Page 449 - Book-LP-Pichit_524 PAGES_1800 Smallest
P. 449
ี
ต้นไม้และอายุท่อยู่มา
ึ
ได้ถงปัจจุบัน ก็แปลว่า
คนคงไม่อยู่แล้ว ต้นไม้
ี
ท่บริเวณแถวน้โตเท่า
ี
คนเราโอบ มันเป็นต้น
ข่อย ต้นมะตูม และ
ต้นหว้าก็มี ถึงตรงนี้เรา
มีข้อสังเกตว่าเราเคย
ได้อ่านหนังสือในพระ วดพระเชตวน
ั
ั
ึ
ั
ึ
อรรถกถา มีตรงหน่งกล่าวไว้ว่า ถ้านานไปช่วกัปหน่ง แผ่นดินจะสูง
ึ
ี
ึ
ี
ข้นมาหน่งโยชน์ พอดูท่หลุมตรงท่เขาขุดในพระเชตวันน้แล้ว ก็น่าจะ
ี
สูงข้นมาได้จริง ๆ ฐานรากอาคารท่ว่าน้ ท่เห็นเขาขุดลงไป ดูอีกท
ี
ึ
ี
ี
ี
บางแห่งก็อาจจะเป็นลาน เขาก่ออิฐกว้างเหมือนลานบ้าน เรียบ ๆ แต่
ั
้
ี
่
ี
ู
ี
้
้
ี
กว้างขวาง มช่องตรงนนเข้าตรงนออก แสดงว่าแต่ก่อนนเคยเป็นทอย่
ึ
ของผู้คน พอคนหนีไปดินก็ค่อย ๆ พอกพูนข้นมา การพอกพูนของดิน
ถ้าได้ไปเรียนเร่องธรณีวิทยา ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ว่าพวกซากใบไม้
ื
ซากสัตว์ ต้นไม้ ค่อย ๆ ทับถมกันมาเรื่อยๆ มันจึงค่อย ๆ สูงขึ้น ๆ ได้
ึ
แต่เท่าท่เรารู้มาซากพืชสัตว์ทับถมจนดินสูงข้นมาท่ว่าน้น มันต้องใช้
ั
ี
ี
เวลาเท่าไรล่ะพนดินจึงสูงขนมาไดถึงโยชน์หนง คำตอบยังไมมีจาก
้
้
่
ึ
ึ
้
ื
่
คนเราในสมัยมวิชาธรณวิทยาของพวกเราดอก น่คือเรองน่าคิด
ี
ี
่
ื
ี
เกี่ยวกับกาลเวลาที่ล่วงผ่าน ทุกอย่างแปรเปลี่ยน และแม้แต่พื้นแผ่นดิน
ก็ยังมีส่งมาทับถมตามธรรมชาติตามเหตุการณ์ จนทับถมของเก่า
ิ
ี
ื
ของเดิมเอาไว้เสียท่เบ้องล่างจนดูลึกต่าลงไปขนาดน้ ท่พวกเราไปเห็น
�
ี
ี
หลุมท่เขาขุดไปในวันน้น ก็ไม่ทราบว่าเป็นส่งก่อสร้างอะไรและเป็น
ี
ั
ิ
ี
ี
ของผู้ใด เห็นว่าเป็นบริเวณใกล้กับท่มีก่ออิฐท่หมายว่าเป็นกุฏิของ
พระโมคคัลลานะในพระเชตวันมหาวิหารเท่าน้น..
ั
l
ความเปนมาของเรา 435
็