Page 36 - หลักสูตรวิชาป้องกันทุจริต
P. 36

“จริยธรรม” เป็นหลักสำาคัญในการควบคุมพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เปรียบเสมือนโครงสร้างพื้นฐาน
                  ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องยึดถือปฏิบัติ




                  “การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม” เป็นพฤติกรรมที่อยู่ระหว่างจริยธรรมกับการทุจริต
                  ที่จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ส่วนตนกระทบต่อผลประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งพฤติกรรมบางประเภทมีการบัญญัติเป็น
                  ความผิดทางกฎหมายมีบทลงโทษชัดเจน แต่พฤติกรรมบางประเภทยังไม่มีการบัญญัติข้อห้ามไว้ในกฎหมาย




                  “การทุจริต” เป็นพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมายโดยตรง ถือเป็นความผิดอย่างชัดเจน สังคมส่วนใหญ่จะมีการ
                  บัญญัติกฎหมายออกมารองรับ มีบทลงโทษชัดเจน ถือเป็นความผิดขั้นรุนแรงที่สุดที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไม่
                  ปฏิบัติ





                  “เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ขาดจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเข้าไปกระทำาการใดๆ ที่เป็นการขัดกันระหว่าง
                  ประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นขาดความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่
                  และจะเป็นต้นเหตุของการทุจริตต่อไป”



           รูปแบบของการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม
                  ก�รขัดกันระหว่�งประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมมีได้หล�ยรูปแบบไม่จำ�กัดอยู่เฉพ�ะ
           ในรูปแบบของตัวเงิน หรือทรัพย์สินเท่�นั้น แต่รวมถึงผลประโยชน์อื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของตัวเงิน

           หรือทรัพย์สินด้วย ทั้งนี้ John Langford และ Kenneth Kernaghan ได้จำ�แนกรูปแบบของก�รขัดกัน
           ระหว่�งประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม ออกเป็น ๗ รูปแบบ คือ

                  ๑)  การรับผลประโยชน์ต่างๆ (Accepting benefits) ซึ่งผลประโยชน์ต่�งๆ ไม่ว่�จะเป็น
           ทรัพย์สิน ของขวัญ ก�รลดร�ค� ก�รรับคว�มบันเทิง ก�รรับบริก�ร ก�รรับก�รฝึกอบรม หรือสิ่งอื่นใด

           ในลักษณะเดียวกันนี้ และผลจ�กก�รรับผลประโยชน์ต่�งๆ นั้น ได้ส่งผลให้ต่อก�รตัดสินใจของเจ้�หน้�ที่
           ของรัฐในก�รดำ�เนินก�รต�มอำ�น�จหน้�ที่

                           ำ
                  ๒)  การทาธุรกิจกับตนเอง (Self - dealing) หรือเป็นคู่สัญญา (Contracts) เป็นก�รที่
                                                                                      ่
                                                                                ำ
                                     ำ
                                   ้
                                                        ้
                                                                  ้
                                                              ่
           เจ�หน�ที่ของรัฐ โดยเฉพ�ะผูมีอ�น�จในก�รตัดสินใจ เข�ไปมีสวนไดเสียในสัญญ�ที่ท�กับหนวยง�นที่ตน
             ้
                 ้
                                           ำ
                                                          ็
           สังกัด โดยอ�จจะเปนเจ�ของบริษัทที่ท�สัญญ�เอง หรือเปนของเครือญ�ติ สถ�นก�รณเชนนี้เกิดบทบ�ท
                                                                                 ์
                               ้
                           ็
                                                                                   ่
           ที่ขัดแย้ง หรือเรียกได้ว่�เป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ข�ยในเวล�เดียวกัน
                                                        ้
                                               ำ
                                                    ่
                          ำ
                  ๓)  การทางานหลังจากออกจากตาแหนงหนาที่สาธารณะหรือหลังเกษียณ (Post-employ-
           ment) เป็นก�รที่เจ้�หน้�ที่ของรัฐล�ออกจ�กหน่วยง�นของรัฐ และไปทำ�ง�นในบริษัทเอกชนที่ดำ�เนิน
           ธุรกิจประเภทเดียวกันหรือบริษัทที่มีคว�มเกี่ยวข้องกับหน่วยง�นเดิม โดยใช้อิทธิพลหรือคว�มสัมพันธ์
           จ�กที่เคยดำ�รงตำ�แหน่งในหน่วยง�นเดิมนั้น ห�ประโยชน์จ�กหน่วยง�นให้กับบริษัทและตนเอง
                                                        หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม “การป้องกันการทุจริต”  29
   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41