Page 82 - ตำรา
P. 82
2. การใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน (Teaching Aids) ส่วนใหญ่การทำรายการประเภทนี้จะใช้ในการแบ่ง
ส่วนเนื้อหาย่อยหลายๆส่วน แต่ละส่วนจะเน้นเนื้อหาแต่ละประเด็น ใช้ประกอบการสอนให้ผู้เรียนชมในช่วง
สั้นๆ เพื่อที่จะทำกิจกรรมอื่นต่อเนื่อง มักจะใช้การถ่ายทำแบบบันทึกลงในรูปแบบรายการวีดิทัศน์ (Video
Program) มาให้ผู้ชมเรียนแบบกลุ่มย่อยหรือรายบุคคล สามารถใช้ได้ทั้งการศึกษาในระบบและนอกระบบ
3. การใช้สอนเสริมความรู้ (Enrichment) รายการประเภทนี้จะจัดทำขึ้นเพื่อสอนเสริมความรู้ความ
เข้าใจในหลักสูตร โดยเนื้อหาสาระจะไม่ตรงกับข้อหัวในหลักสูตร แต่สาระเนื้อหาจะช่วยเสริมความรู้ให้เข้าใจ
ในบทเรียนได้มากขึ้น หรือถ้ากล่าวอีกแบบคือเป็นรายการที่สนับสนุนการเรียนการสอนให้ความรู้เพื่อพัฒนา
ผู้ชมให้มากขึ้นกว่าเดิม รายการประเภทนี้จะมีใช้ได้หลากหลาย ทั้งในการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัย
รูปแบบของรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา
ในการผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา รูปแบบการผลิตก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญ ก่อนที่จะผลิต
รายการต้องพิจารณารูปแบบให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่วางแผนไว้ รวมถึงเนื้อหาที่จะทำ เวลาที่จะ
ื่
ออกอากาศ และกลุ่มผู้ชมที่ต้องการเผยแพร่ โดยรูปแบบของรายการโทรทัศน์เพอการศึกษาแบ่งออกมาได้ 10
แบบ ดังนี้
1. พูดหรือบรรยายคนเดียว (Monologue) รูปแบบนี้จะเป็นการดำเนินรายการโดยวิทยากรเพียงคน
เดียวมาพูดให้ผู้ชมฟัง เน้นเนื้อหาการพูดของวิทยากรเป็นหลัก แต่อาจจะใช้สื่ออื่นมาประกอบการบรรยายให้
เข้าในและน่าใจมากยิ่งขึ้น
2. สัมภาษณ์ (Interview) รูปแบบนี้นี้จะเน้นดำเนินรายการแบบถามตอบ โดยการนำหัวข้อสาระความรู้
ที่น่าสนใจ มาทำในรูปแบบการถามโดยผู้สัมภาษณ์และตอบโดยผู้ให้สัมภาษณ์
3. สนทนา (Dialogue) เป็นรูปแบบการทำรายการแบบเน้นแสดงความคิดเห็นร่วมกันในประเด็นที่
กำหนด โดยผู้ร่วมรายการต้องมีตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
4. อภิปราย (Discussion) รูปแบบนี้ เป็นรายการแบบเน้นการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันของผู้ร่วม
รายการ โดยจะมีผู้ดำเนินรายการอภิปรายจะเป็นผู้แนะนำผู้ร่วมรายการ พร้อมให้ผู้ร่วมรายการแสดงความ
คิดเห็นของแต่ละคน และสรุปว่าใครคิดเห็นอย่างไรในตอนสุดท้ายของรายการ โดยจะมีผู้ร่วมรายการตั้งแต่ 3
คนขึ้นไป
5. สาระละคร (Docu-Drama) รูปแบบนี้จะเป็นการผสมผสานระหว่าง 2 รูปแบบเข้าด้วยกัน ระหว่าง
รูปแบบรายการสารคดีกับรูปแบบละคร เช่น มีรายการละครตอนต้นและตามด้วยมีผู้ดำเนินรายการหรือ
ผู้บรรยายมา เกริ่นนำ อธิบาย ขยายสาระ และสรุปประเด็นตอนจบ โดยรูปแบบละครจะเน้นแสดง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครและเนื้อหาส่วนอื่นๆ ของรายการ
6. ละคร (Drama) รูปแบบนี้จะเน้นการแสดงบทบาทตัวละครที่สมจริงตามเนื้อหาของรายการที่วางไว้
ตลอดตั้งแต่ต้นรายการจนจบรายการ
7. สารคดี (Documentary) เนื้อหาของรูปแบบนี้จะเน้นการเสนอเรื่องราวจากเรื่องจริง เหตุการณ์จริง
และสถานที่จริงมาร้อยเรียงเรื่องราว เพื่อมาเสนอตลอดรายการ โดยอาจจะมีผู้ดำเนินรายการหรือผู้สัมภาษณ์ที่
เกี่ยวข้องกั บเนื้อหาเรื่องจริงนั้นๆ เข้ามาร่วมในรายการด้วย
8. นิตยสารอากาศ (Magazine) รูปนี้แบบจะเป็นแบบวาไรตี้ มีการผสมผสานกันของหลายๆ รูปแบบเข้า
ด้วยกัน เพื่อให้เนื้อหามีความน่าสนใจ ไม่ซ้ำซากจำเจ จบแบบน่าติดตาม แต่ต้องมีการกำหนดแกน (Theme)
72