Page 31 - ศาสนาพุทธ
P. 31
ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสาร ได้เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และกราบทูลว่านักบวชศาสนาอื่น มี
วันประชุมสนทนาเกี่ยวกับหลักธรรมค่าสั่งสอนในศาสนาของเขา แต่ว่าศาสนาพุทธยังไม่มี พระพุทธองค์จึงทรง
อนุญาติให้ภิกษุสงฆ์ประชุมสนทนาและแสดงธรรมเทศนาแก่ประชาชน ในวัน ๘ ค่่า ๑๔ ค่่า และ ๑๕ ค่่า
พุทธศาสนิกชนจึงถือเอาวันดังกล่าวเป็น วันธรรมสวนะ ( ส่าหรับวันธรรมสวนะนี้ เมืองไทยมีมาตั้งแต่สมัยกรุง
สุโขทัย )
ศาสนสถานที่ส าคัญ
วัดอันเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ ซึ่งเป็นสถานที่อยู่อาศัย หรือ ที่จ่าพรรษา ของ
พระภิกษุ สามเณรตลอดจน แม่ชี เพื่อใช้ประกอบกิจกรรมประจ่าวันของพระภิกษุสงฆ์ เช่น การท่าวัตรเช้าและเย็น
และสังฆกรรมในพระอุโบสถ อีกทั้ง ยังใช้ประกอบพิธีกรรมเช่นการเวียนเทียนเป็นต้นในวันส่าคัญทางศาสนาพุทธ
และยังเป็นศูนย์รวมในการมาร่วมกันท่ากิจกรรมในทางช่วยกันส่งเสริมพุทธศาสนาเช่นการมาท่าบุญในวันพระของ
แต่ละท้องถิ่นของพุทธศาสนิกชน อีกด้วย
นิกายที่ส าคัญ
พระพุทธศาสนา เถรวาท
นิกายเถรวาท หรือ หินยาน เป็นนิกายเก่าแก่ที่สุด ยึดถือพระธรรมวินัยเดิมอย่างเคร่งครัด นับถือมากใน
ไทย พม่า เขมร ลาว ศรีลังกา
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานได้ 3 เดือน สาวกผู้ได้เคยสดับฟังค่าสั่งสอนของพระองค์จ่านวน 500 รูป ก็ประชุม
ท่าสังคายนากัน ณ ถ้่าสัตบรรณคูหา ใกล้เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ สอบปากค่ากันอยู่ 7 เดือน จึงตกลงประมวลค่า
สอนของพระพุทธเจ้าได้ส่าเร็จเป็นครั้งแรก นี่คือบ่อเกิดของคัมภีร์พระไตรปิฎก ต่อมาเมื่อมีปัญหาขัดแย้ง พระ
เถระผู้ใหญ่ก็ประชุมขจัดข้อขัดแย้งกัน เป็นสังคายนาต่อมาอีกหลายครั้ง จนได้พระไตรปิฎกของฝ่ายเถรวาทดังที่
เรารู้จักกันทุกวันนี้ ซึ่งถือกันทั่วไปว่าเป็นค่าสอนโดยตรงของพระพุทธเจ้าที่นับว่าใกล้เคียงที่สุด
เนื่องจากภาษามคธที่ใช้บันทึกค่าสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น ครั้นกาลเวลาล่วงไปก็ค่อยๆ กลายเป็นภาษา
โบราณ ยากที่จะเข้าใจได้ทันทีส่าหรับนักศึกษารุ่นหลังๆ จึงได้มีผู้เชี่ยวชาญนิพนธ์ชี้แจงความหมายเรียกว่า อรรถ