Page 215 - เมืองลับแล(ง)
P. 215
หน่วยในหมาก ปงปั๋นยังกันจะนะฟานฅำ พญาฟานฅำได้ผะอูบฅำนั้นมาก็โสมนัสยินดีปากคาบผะอูบฅำจุธาต ุ
ั
เจ้าแล้วก็น้อมวันทาไหว้สาองค์ฅำพุทธเจ้า แล้วก็หกแล่นไปลับลี้หนียังดงป่าไม้ไคว่ได้เก้าวัน ก็อิดอ่อนป๋านใจจก
ขาดวิ่น จิ่งหมายมีเถิงยังข่วงงามยามตะวันแลงก็ได้ขวิดมูนดินเป็นหลุมลึกได้วา กว้างได้ศอก มอกปองาม ก็
ิ
สะบัดเอยังเขาฅำแห่งตัวลงยายวางกันหลุม แลปากก๊าบ ผะอูบฅำธาตุนั้นลงวางหว่างเขาฅำแห่งตัว แล้วถมดน
ฝังผะอูบนั้นไคว่ได้พอคำ พญาฟานก็เสี้ยงใจตาย องค์ฅำพุทธเจ้าจึ่งจ๋าว่าดูรา อานันต๊ะเจ้าเหย ปายหน้า วันตก
ลัยดอยที่นี้ ฝูงคนทั้งหลายจักมาตั้งมาอยู่ปายหน้าจักได้ชื่อว่า “เวียงลับแลงไจย” จะแหล่
ยามเถิง องค์ฅำพุทธเจ้านิปปานไปแล้วนับพุทธศักราชได้ ๑๖๐๐ ปี วันนั้นมีชาวกะลอม สองฅนผว
ั
เมียจากเมืองตักกะสีลานคราลุ่มฟ้าเมืองใต ได้มาปุกบ้านสร้างเวียงยังข่วงเวียงแห่งนี้ แลกำเนิดเกิดเชื้อเครือ
้
ั
้
่
สาย ยายแผ่เป็นบ้านเป็นเวียง แต่บ่ได้นบไหว้น้อมรับยังศาสนาแห่งพระสมมาสัมพุทธเจา ตนผองแผวใสบัวริ
๋
่
สุท ด้วยมีใจใฝ่มักในอธัมม์มืดบอด เป็นทุรชนคนยักษ์บ่ตั้งในศิลานุวัตร บ่ตั้งในสัตยธัมม์อันใส ก็บังเกิดเหต ุ
เภทภัยอันใหญ่หลวง ด้วยปู่เจ้าเกล๊าผีแลอินทร์พรหม ยมราชะทั้งหลาย ก็ได้เล็งหันวังอัปรีวิโยคอกุศล จง
ึ่
เนรมิตฝนหลวงงวงช้างปั้ดถมจมหาย ลางพ่องก็ตาย ลางพ่องก็หายจมดินสูนพูลทรายม่อนดอยหล่มจมม้าง
บ้านเวียงล่มจมหาย ฝูงคนหนีตายยายหยาด ละเป็นบ้านห่างร้างเวียง
นับล่วงได้ ๑๐๐ ปี๋ข้าว กาละล่วง ยังมีพุทธมานพหนุ่มองค์งาม ผู้สืบเกล๊าเจ้าเครือปู่ทาวลาวจกตนไต ่
้
ั่
เกิ๋นฅำ ก็นำฝูงคนทั้งหลาย เดินลัดดอยลอยห้วยข้ามโขงเขตน้ำ ข้ามถ้ำเขตดอย มาเถิงยังข่วง อันงามริมตาฝง
แม่น้ำยมออน ก็ปกบ้านสร้างเวียง ใส่ชื่อว่า “เวียงฅำน้ำใส สุโขไธย” ใหญ่กว้าง สืบเจ้าช้างมากหลาย แผ่วง
้
ยายใหญ่น้อย เถิงยังขุนหอฅำเมืองไธยตนเป็นใหญ่ใตฟ้า ฅนลุ่มหล้านบยำ ขุนองคฅำรามราชเจ้า ก็ได้เล็งหัน
์
ยังข่วงงามหว่างน้ำตาฝั่งมหาสาขาแม่น้ำน่านคณที แลน้ำแม่ยมออน มีดอยเกล๊าปู่เจ้าเขาเหิน ม่อนดอยเนินระสี
น้ำแม่ห้วยแก้วจุมปู แลน้ำแม่ห้วยทรายฅำโอบล้อม หนองสระหลวง แลข่วงก่อนบ่อนนี้แต่เดิมออนก็ยังเป็น
เวียงเก่าเจ้าร้าง เวียงทะรากสร้างแต่หนหลัง ก็มีใจใคร่แผสายยายเวียง แลหันว่าเปิงแก่การปลูกกลาหว่านข้าว
้
่
่
ั
ด้วยน้ำท่าบัวริบูร จึงได้เทครัวฝูงจาวคนเวียงไธย มาปุกแป๋งแต่งเวียง แลใส่ชื่อว่า “เวียงสระหลวง” จกสงข้าว
้
้
ุ
ปลาแลหมากพลูเลยงตอนเวียงไธย ในยามนั้นขุนพระญารามราชเจาก็เถิงยังพุทธาพินิหาร อันธาตเจาองคฅำ
้
ี้
์
หมายมีพญาฟานฅำลบเสี้ยงใจตายฝังไว้หว่างเขาฅำนั้น ก็สดับเถิงยังปาระมี แห่งพญาตนวิเศษก็ลอยผดขึ้นยัง
ั
ุ
ใจข่วง แลลอยเหินผัดขึ้นวันเหนือล่องใต้สามหน แลลอยจมลงยังแม่แผ่นดิน ขุนพระญารามเจ้าจึ่งมีใจแป๋ง
แต่งสร้างยังพิหารสายฅือเวียงเป็น ไจยเวียง
กาละล่วงไปเถิงยังตนขุนองค์ฅำลือไธย ตนเป็นใหญ่ในโลกหล้า แลยกเวียงสระขึ้นกับเวียงชะเลียง
แล้วจงได้ผาถะนา ยังพระศาสนาองค์พุทธเจ้าน้อมนำเอากระดูกเจ้าธาตฅำลุกมาแต่ในเวียงไธย จึ่งได้มาแป๋ง
ุ
ึ่
แต่งสร้างยังองค์พระธาตุเจ้าเจติยา ตั้งอารามพิหารใหญ่กว้าง บนม่อนป่าแก้วดอยงาม ชื่อว่า “เจติยะพิหาร
การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
หน้า ๖๕