Page 229 - เมืองลับแล(ง)
P. 229

เนื้อความที่ ๒


                       ระยะเวลาผ่านมาอีก ๑๐๐ ปี ตำนานพระเจ้ายอดคำทิพย์ได้กล่าวต่อไปว่า



                 ยังมีพุทธมานพหนุ่มองค์งาม ผู้สืบเกล๊าเจ้าเครือปู่ท้าวลาวจกตนไต่เกิ๋นฅำ ก็นำฝูงคนทั้งหลาย เดินลัด
                 ดอยลอยห้วยข้ามโขงเขตน้ำ ข้ามถ้ำเขตดอย มาเถิงยังข่วง  อันงามริมตาฝั่งแม่น้ำยมออน ก็ปกบ้าน

                 สร้างเวยง ใส่ชื่อว่า เวียงฅำน้ำใส สุโขไธย
                       ี

                       จากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์พบว่า ผู้ปกครองราชวงศ์สุโขทัยเรียกตนเองว่าเป็น “ชาวเลือง”

               ปรากฏในจารึกหลักที่ ๔๕ จารึกปู่สบถหลาน ตรงกับ “ชาวเลิง” ในวัฒนธรรมลุ่มน้ำแดง ในประเทศเวียดนาม

                                                                                                       ี่
                                                                                                        ุ่
               การที่ตำนานฯ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้คงราว พ.ศ. ๑๗๐๐ เป็นช่วงที่แคว้นสุโขทัยเป็นเมืองสำคญของพื้นทลม
                                                                                             ั
               แม่น้ำยม และได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากเขมรเมืองพระนครและละโว้ (ลพบุรี) ส่วนคำว่า “ปู่เจ้าลาวจก”
               นั้นไม่พบในเอกสารตำนาน เมื่อตรวจสอบกับตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่และพงศาวดารเงินยางเชียงแสนได  ้

               พบว่าต้นบรรพชนของราชวงศ์มังรายนั้นคือ “พระญาลวจังกราชะ” ครองเมืองเหรัญนคร(เงินยาง) ในช่วงพุทธ
               ศตวรรษที่ ๑๓ แต่ไม่ปรากฏการใช้คำว่า “ปู่เจ้าลาวจก” แต่อย่างใด จึงเป็นไปได้ว่าชื่อคำนี้คงมีการแผลงคำขึ้น

               ในยุคหลัง


               เนื้อความที่ ๓



                 สืบเจ้าช้างมากหลาย  แผ่วงยายใหญ่น้อย เถิงยังขุนหอฅำเมืองไธยตนเป็นใหญ่ใต้ฟ้า ฅนลุ่มหล้านบยำ
                 ขุนองค์ฅำรามราชเจ้า



                       เป็นการกล่าวถึงเมืองสุโขทัยมีกษัตริย์ปกครองขยายแว่นแคว้นกว้างใหญ่ มีขุนหรือเจ้าเมืองต่าง ๆ เข้า
               มาสวามิภักดิ์ จนกระทั่งถึงรัชกาล “ขุนองค์ฅำรามราชเจ้า” ชื่อนี้มีความหมายถึง พ่อขุนรามคำแหง ซึ่งมีการใช  ้

               “รามราช” ใน จารึกหลักที่ ๔๕ จารึกปู่สบถหลาน, จารึกวัดป่ามะม่วง, ไตรภูมิกถา, ยวนพ่าย โคลงดั้น


                 ก็ได้เล็งหันยังข่วงงามหว่างน้ำตาฝั่งมหาสาขาแม่น้ำน่านคณที แลน้ำแม่ยมออน มีดอยเกล๊าปู่เจ้าเขาเหิน

                                                                                                  ่
                 ม่อนดอยเนินระสี น้ำแม่ห้วยแก้วจุมปู แลน้ำแม่ห้วยทรายฅำโอบล้อม หนองสระหลวง แลข่วงกอนบ่อน
                                                              ้
                                               ้
                 นี้แต่เดิมออนก็ยังเป็นเวียงเก่าเจ้าราง เวียงทะรากสรางแต่หนหลัง ก็มีใจใคร่แผ่สายยายเวียง แลหันว่า
                 เปิงแก่การปลูกกล้าหว่านข้าว ด้วยน้ำท่าบัวร  ิ




                                             การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
                                                        หน้า ๗๙
   224   225   226   227   228   229   230   231   232   233   234