Page 226 - เมืองลับแล(ง)
P. 226

้
               ๑๐ วัน รวมพรรษา ๔๙ ดังนั้นปีศักราชในฉบับแรกจึงเขียนขึ้นหลังจากที่พระครูธรรมเนตรโสภณมรณภาพแลว
                                                                                                     ้
                                                                                                   ้
                                                                 ั
               ส่วนฉบับที่ ๒ เป็นไปได้ว่าพระครูธรรมเนตรโสภณได้เป็นผคดลอกและแปลธัมม์ ฉะนั้นการแปลธัมม์ไดใชเวลา
                                                               ู้
               ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๗ – ๒๕๒๔ เป็นระยะเวลากว่า ๑๗ ป  ี
                                                                                          ู
                       ๔. ที่มาของตำนานพระเจ้ายอดคำทิพย์ได้ระบุว่า “หากเนื้อความในธัมม์พื้นเมืองผกนี้มีความจริงก็จะ
               เป็นการดีต่อบ้านลับแลงที่จะได้สืบรู้ความเป็นมาของแหล่งที่อยู่ตน แต่หากเนื้อความในธัมม์ตำนานฉบับเก๊า
               พระเจ้ายอดคำติ๊บ วัดลับแลงหลวงผูกนี้ เป็นเรื่องเหลวไหลก็จงสดับหูหมายเอาเป็นพุทธนิยายเพื่อขัดเกลา

                                                                                          ู้
               อบายกิเลสในใจเสียเถิด” นั่นเป็นการย้ำเตอนว่าเนื้อความในธัมม์นี้สุดแต่วิจารณญาณของผศึกษา ไม่ได้ชวนให้
                                                  ื
               หลงเชื่อเนื้อความในธัมม์นี้เลยแม้แต่น้อย
                        ๕. เนื้อความตอนสุดท้ายของที่มาตำนานพระเจ้ายอดคำทิพย์ระบุว่า “หากตัวอาตมาภาพได้ล่วงลับ

                                                        ั
               ดับสังขารไปแล้ว หากศิษยานุศิษย์คนใดในใจใคร่จดพิมพ์หนังสอประวัติของอาตมาภาพในงานศพก็ขอให้พิมพ์
                                                                   ื
                                                                     ี่
               ธัมม์ผูกนี้ได้ด้วย จักเป็นประโยชน์ยิ่ง” แต่ด้วยท้ายกระดาษของทมาตำนานทั้ง ๒ ฉบับ ไดเขียนไว้เพื่อให้พระ
                                                                                          ้
               ครูธรรมเนตรโสภณ (บุญธรรม  มาอาจ) ลงนามเช่นเดียวกัน  จึงเป็นไปได้ที่บันทึกนี้จะถูกคัดลอกจากคำ
               ประสงค์ของพระครูธรรมเนตรโสภณ เพื่อรอการลงนามจากพระครูธรรมเนตรโสภณ แต่ก็ไม่อาจทราบได้ว่า

               ฉบับใดเป็นการแปลมาจากต้นฉบับลานธัมม์ ซึ่งพระครูธรรมเนตรโสภณก็มิได้ลงนามในเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ




























                                             การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
                                                        หน้า ๗๖
   221   222   223   224   225   226   227   228   229   230   231