Page 230 - เมืองลับแล(ง)
P. 230
คือ กล่าวถึงในช่วงสมัยพ่อขุนรามคำแหง เป็นกษัตริย์สุโขทัยนั้น (ครองราชย์ พ.ศ. ๑๘๒๑ - ๑๘๔๒)
ได้เล็งเห็นพื้นที่ “ข่วง” หรือ ที่ราบกว้าง ระหว่างแม่น้ำน่านกับแม่น้ำยม มีดอยภูเขาสูง ม่อนระสี หรือ ม่อน
่
ฤๅษี มีลำน้ำสองสายคือ “น้ำแม่ห้วยแก้วจุมปู” กับ “น้ำแม่ห้วยทรายฅำ” โอบล้อมหนองสระหลวง ซึ่งแตก่อน
นั้น “ข่วง” นี้ เป็น “เวียงเก่า เจ้าร้าง เวียงทะรากสร้างแต่หนหลัง” สอดคล้องกับตำนานเมืองสมัยที่มี “ชาวกะ
ลอม” มาอาศัยอยู่แล้วเกิดพายุดินโคลนถล่มจึงมีชื่อเรียกว่า “เวียงทะราก” เมื่อสังเกตคำว่า “ทะราก” หรือ
“ทราก” เป็นคำควบกลำไม่แท้ (ทร เป็น ซ) ควรอ่านว่า “ซาก” ซึ่งหมายถึง “ซาก” ของเวียงแต่ครั้งเก่า และ
้
ยังมีความสอดคล้องกับ พงศาวดารโยนก ที่บอกว่า “พระยาไสลือไทยจึงแต่งให้ท้าวยี่กุมกามไปครองเมือง
8
ซาก (อยู่แม่น้ำซากแควยม)” จึงมีความสอดคล้องกับชื่อเวียงในตำนานพระเจ้ายอดคำทิพย์ แม่น้ำซากนี้
ั
คาดว่าจะเป็นลำน้ำ “แม่ราก” ที่กร่อนคำมาจากคำว่า “ทะราก” (ทราก) มีต้นน้ำจากเทือกเขาลบแลไหลผาน
่
ตำบลบ้านตึกมาลงแม่น้ำยมที่ตำบลป่างิ้ว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย อาจเป็นไปได้ว่าในช่วงที่พระยา
ประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค) ได้เรียบเรียงพงศาวดารโยนก (สมัยรัชกาลที่ ๕) ยังเป็นที่รับทราบว่าลำน้ำแม่
รากคือแม่น้ำซาก จึงพ้องกับพื้นที่แอ่งลับแลอันเป็นต้นน้ำของลำน้ำสายนี้
ด้วยพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์จึง “ได้เทครัวฝูงจาวคนเวียงไธย มาปุกแป๋งแต่งเวียง แลใส่
ื่
ชื่อว่า เวียงสระหลวง” คือ ให้ประชาชนราษฎรเขามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ “เวียงทะราก” เดิม แล้วให้ชอใหม่กับ
้
่
บริเวณนี้ว่า “เวียงสระหลวง” ชื่อนี้มีความคล้ายกับชื่อเมืองพิษณุโลกเดิมคือ “สรลวงสองแคว” แตเดมนั้นนัก
ิ
ั้
ประวัติศาสตร์ก็ได้อ่านว่า “สระหลวง” แต่เนื่องจากในสมัยสุโขทัยใช้คำว่า “ตระพัง” แทน “สระน้ำ” ทงสิ้น
และในจารึกหลักที่ ๒ วัดศรีชุมได้กล่าวถึง พระมหาเถรศรีศรัทธาฯ ได้เกิดยังนครสรลวงสองแคว จึงเป็นไป
9
ไม่ได้ที่คนๆ เดียวจะเกิดในสองเมืองได้ นครสรลวงสองแควนั้นจึงหมายถึงเมืองพิษณุโลก ซึ่งชื่อ “เวียงสระ
้
หลวง” ในที่นี้อาจมาจากภาษาเขมรโบราณ คือ คำว่า “ชฺรลวง” แปลว่าลำน้ำ อันเป็นการเลื่อนเสยงควบกลำ
ี
10
11
“-ร” ระหว่าง [ ชฺร- / จฺร- / สฺร- ] อีกทั้งในภาษาล้านนาคำว่า “สะลวง” ยังหมายถึง ลำน้ำ หรือ ห้วงน้ำ
ชื่อเวียงนี้จึงควรอ่านว่า “สะระลวง” หรือ “สะลวง” มากกว่า “สระหลวง” ที่แปลว่าสระน้ำใหญ่
8 พระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค), พงศาวดารโยนก, พิมพ์ครั้งที่ ๖, กรุงเทพฯ : แพร่พิทยา, ๒๕๑๕, หนา
้
๓๑๕.
9 พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “ไม่มีเมืองสระหลวงในสมัยสุโขทัย”, ฟื้นฝอยหาตะเข็บ, กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๓, หนา
้
๑๙ – ๓๕.
10 ตรงใจ หุตางกูร, มรดกความทรงจำแห่งเมืองศรีสัชนาลัย - สุโขทัย : ประมวลจารึกสมัยพระยาลิไทย,
กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน), ๒๕๕๘, หน้า ๑๙๑.
11 จุฑารัตน์ เกตุปาน, “ตำนานพระศรีศรัทธา”, วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, ปีที่ ๔ (ฉบับพเศษ),
ิ
กันยายน - ธันวาคม ๒๕๕๐, หน้า ๗.
การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
หน้า ๘๐