Page 16 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 16
ั
ั
ื้
ั
ี
เมื่อวัฒนธรรมของรฐสุโขทัย-ศรสัชนาลัยเข้ามาในพนที่แอ่งเมืองลบแล จากหลักฐานที่ชดเจน
์
ี
ที่สดคือการค้นพบ ศลาจารึกบริเวณวัดเจดียคีรวิหาร ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
ิ
ุ
์
์
เมื่อ วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๓ โดย มหาอำมาตยตร พระยานครพระราม (สวัสดิ มหากาย)
ี
ี
ิ
อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ได้นำลงไปรกษาไว้ที่หอพระสมุดวชรญาณ กรงเทพฯ เมื่อ พ.ศ.
ุ
ั
2
ึ
ั้
ุ
ิ
์
ึ
่
๒๔๗๓ จนได้มีการอ่านจารกพมพเผยแพรครงแรกใน ประชมจารกสุโขทัยภาค ๘ พ.ศ. ๒๕๔๗
้
ึ
เรยกว่า หลักที่ ๓๑๙ จารึกเจดียพิหาร จารกสรางด้วยวัสดุหินทรายเนื้อปานกลาง ศาสตราจารย ์
์
ี
ดร. ประเสรฐ ณ นคร ได้ให้ความเห็นว่าเป็นรปแบบอักษรในชวงพระญามหาธรรมราชาธิราช ที่ ๑
ิ
่
ู
(ลือไท) แม้จะไม่มีการระบุศักราชที่ชัดเจนแต่จากข้อความส่วนตนที่บอกว่า “เขา (เข้า?) เสวยราชย์ใน
้
เมืองปีเมสญ (มะเส็ง) แต่มาได้เจ็ดปีจึงก่อพระเจดีย...” มีการสราง “กุฎีพิหาร” แล้ว “จึงเวนทั้ง
์
้
กุฎีพิหารไร่นาสวนหมาก แต่เชียงแก้ว ให้เป็นเจ้า” มี “พระบด พระพุทธรูป” และมีการ “ปลูก
3
่
้
ต้นพระศรีมหาโพธ” พรอมทั้งกัลปนาผู้คน ไรนาให้แก่วัด เมื่อตรวจสอบกับปีที่พระมหาธรรม
ิ
ราชาธิราช ที่ ๑ (ฦๅไทย) ขึ้นครองราชยที่เมืองสุโขทัยคือ พ.ศ. ๑๘๙๐ ปีกุน นบเพมมาอีก ๗ ปีตาม
ั
ิ่
์
ข้อมูลในจารกพบว่าตรงกับ ปีมะเส็ง คือ พ.ศ. ๑๘๙๖ จึงเป็นไปได้ว่าจารกหลักที่ ๓๑๙ จารกเจดีย ์
ึ
ึ
ึ
้
ิ
พหาร น น่าจะสร้างขึ้นใน พ.ศ. ๑๘๙๖ ปีมะเส็ง ทำให้เห็นว่าพืนที่ของเมืองลับแลเป็นเมือง
ี้
โบราณร่วมสมัยกับวัฒนธรรมสุโขทัย
2 การส่งมอบจารึกเจดีพิหารไปยังกรุงเทพฯ ในขณะที่พระยานครพระราม (สวัสดิ์ มหากายี) ดำรงตำแหน่ง
เป็น สมุหเทศาภิบาลมณฑลพิษณุโลก (คนสุดท้าย) ช่วง พ.ศ. ๒๔๗๑ – ๒๔๗๖
ื
ี่
้
3 คำว่า “เชียงแกว” มาจากคำไทเหนือคอ “เชียง” หรือ “เวียง” ทหมายถึงพื้นที่ทมีแนวกำแพงล้อมรอบ +
ี่
“แก้ว” ควรหมายถึง พระรัตนตรัย ดังนั้น “เชียงแก้ว” จึงแปลรวมคำได้ว่า อาณาบริเวณของพระรัตนตรัยอันประเสริฐ
สังเกตการใช้คำไทยเหนือในจารึกหลักนี้แสดงให้เห็นถึงชุมชนลับแลเป็นชุมชนชาวไทเหนือ (ยวน) ที่อยู่เหนือสุดของเขต
แคว้นสุโขทัย ; ประชุมจารึก ภาคที่ ๘ จารึกสุโขทัย. หน้า ๙ – ๑๔.
เมืองลับแล(ง) ประวัติศาสตร์และข้อค้นพบใหม่
หน้า ๔