Page 179 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 179

กลุ่มที่ ๓ มีคำว่า “ช้างแสน” ท้ายชื่อ มีทั้งหมด ๙ คำ คือ

                       ๑. “เมืองโยนกนครบุรีช้างแสน”
                       ๒. “โยนกนครศรีช้างแสนบุรี”

                       ๓. “เมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแสน”

                       ๔. “เวียงโยนกนครไชยบุรีศรีช้างแสน”
                       ๕. “เวียงโยนกนครราชธานีไชยบุรีศรีช้างแสน”

                       ๖. “เมืองโยนกนครไชยบุรีศรีช้างแสน”

                       ๗. “เมืองโยนกราชธานีไชยบุรีศรีช้างแสน”
                       ๘. “โยนกนครราชธานีไชยบุรีศรีช้างแสน”

                       ๙. “เมืองโยนกนครราชธานีศรีช้างแสน”


                       กลุ่มที่ ๔ ใช้คำว่า “เชียงแสน” ท้ายชื่อ มีทั้งหมด ๑ คำ คือ

                       ๑. “เมืองนครโยนกเชียงแสน”

                                                                                                      ิ
                       จนเมืองล่มสลายกลายเป็นหนองน้ำเพราะกษัตริย์และราษฎรไปกินปลาไหลเผือก ส่วนตำนานสงหน
               วติกุมาร ใช้ว่า ปลาตะเพียนเผือก จนทำให้เวียงถูกน้ำท่วมล่มจมในคืนวันเสาร์ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๕ ปีเถาะ

               พ.ศ. ๑๕๕๘ ในสมัยของพระองค์มหาชัยชนะ กษัตริย์องค์ที่ ๔๕

                       จากนั้น พ.ศ. ๑๕๕๘ ขุนลัง ได้ตั้งเวียงใหม่ชื่อว่า เวียงปรึกษา ริมแม่น้ำโขงฝั่งตะวันตก และอยู่ทางทศ
                                                                                                        ิ
               ตะวันออกของเวียงโยนกเดิม มีเจ้าครองเวียงปรึกษามา ๑๖ พระองค์ มีขุนสุข เป็นเจ้าเวียงปรึกษาเป็นคน

               สุดท้าย ตรงกับ พ.ศ. ๑๖๕๑

                       ส่วนอีกตำนานหนึ่งของล้านนาคือ พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน ได้เริ่มด้วยเทวบุตรชื่อลาวจกหรือ
               พระยาลวะจังกราชได้ขึ้นเป็นเจ้า “เมืองหิรัญญนครเงินยางไชยบุรีเชียงแสน” ซึ่งในตำนานสิงหนวัติกุมารก็มี

                                                                                                     ิ
                                                                ิ
                                                                                                    ุ
               เรื่องลาวจกเหมือนกัน แต่กล่าวไว้ว่าเป็นหัวหน้าชาวป่าชาตละว้า เรียกว่าปู่เจ้าลาวจกหาใชเทพบุตรทจตลงมา
                                                                                                  ี่
                                                                                          ่
               เป็นท้าวพระญามหากษัตริย์และว่าเป็นเรื่องอยู่ในสมัยต้นพุทธกาลก่อนเรื่องลาวจกในพงศาวดารเงินยางเชยง
                                                                                                       ี
                                                    ี
               แสนมากมาย และพงศาวดารเมืองเงินยางเชยงแสนยังเป็นตำนานที่กล่าวถึงบรรพชนของราชวงศ์มังราย จาก
               ตำนานล้านนาทั้งสองฉบับเมืองของสิงหนวัติกุมารที่เป็นเค้าให้กับตำนานเมืองลับแล ออกชื่อว่า “ช้างแสน”
               แต่พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน (ปู่เจ้าลาวจก) ออกชื่อว่า “เชียงแสน” ชัดเจนกว่า
                                                                                                        ั
                       แต่กระนั้นเมืองเชียงแสนของ พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน ก็มิใช่เมืองเชียงแสนในสมย
               ราชวงศ์มังราย ซึ่งเมืองเชียงแสนในสมัยราชวงศ์มังรายสร้างโดยพระญาแสนภู ชินกาลมาลีปกรณ์ บอกวา
                                                                                                        ่
               พระญาแสนภูสร้างเมืองเชียงแสนเมื่อ พ.ศ. ๑๘๗๐ ใกล้สบกกคือเมืองโบราณเชียงแสน อำเภอเชียงแสน
               จังหวัดเชียงราย  อีกทั้ง ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ได้ให้รายละเอียดในการสร้างเมืองเชียงแสนวา “สราง
                                                                                                  ่
                                                                                                       ้




                                             การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
                                                        หน้า ๒๙
   174   175   176   177   178   179   180   181   182   183   184