Page 202 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 202
ตำนานฉบับเก๊า
พระเจ้ายอดคำติ๊บ วัดลับแลง(หลวง)
้
ั
นะโม ตัสสัตถุ ที่นี้จักกล่าวเป็นตำนานพระต๋นองค์คำมุนีเจายอดคำติ๊บเวียงลบแลงไชยนคราแก้วกว้าง
เมื่อพระมหาโพธิสัตว์พุทธเจ้าต๋นสรเด็จยังเมืองสาวัตถี เมื่อองค์คำพุทธเจ้าตรัสรู้แจ้งแสงใสในพระสรพัญญูได ้
๋
้
แล้ว ๒๕ ปี๋ข้าว ในคืนหนึ่งนั้น ต๋นคำพุทธเจ้านอนในกุฎีแล้วในเชตะวันพิหารยามใกลค่ำลงแลงจึงร่ำเปิงออกจา
ว่า บัดนี้ตัวผู้ข้า อายุได ๖๐ ปี๋ข้าว มานี้แล้ว แล เมื่อหากนับอายุได้ ๘๐ ปี๋ข้าวก็จักนิพพานไปควรกูผู้ข้า จก ผา
ั
้
ทะนาธาตุ ออกย่อยผุก หื้อคนแลเทวดา แลฝูงสัตว์จุอัน เป็นที่นบใหว้ปู่จา เสมอต๋นกูผู้ข้าเมื่อยังทะรงสงสารนี้
เถิด เมื่อนั้นองค์คำพุทธโคตนเกล๊ามหาขูณากันล่วงออกยังพรรษาแล้วก็พามหาอนันต๊ะเจ้า แล พระอินตาต๋น
้
พญาก็ออกข่าวก๋างจ้องแก้วก้านคำเกิ้งบังยังพระพุทธเจา สรเด็จยังจุมปูสถานหนใตปิงคนาคร ห่อนลงมายังใต ้
้
เวียงเขลาง แลเวียงพลนคร มาเถิงหว่างตาฝั่งวันตกน้ำน่านมหาคณที แลตาฝั่งวันออกน้ำยมออน เถิงยังดินแดน
ดงไม้ป่ากว้างช้างหลาย มีสายน้ำใสไหลเย็นจอยหอมหื่นจื่นใจไหลจากดอยหนเหนือ ชื่อว่าแม่ห้วยแก้วจมปู แล
้
ุ
น้ำแม่ห้อยทรายคำไหลลงดอยปู่เจ้าเกล๊าผีม่อนระสีใหญ่กว้าง ยังมีพญาฟานคำตั๋วหนึ่งเป็นเจ้าแก่ฝูงฟานใหญ่
น้อยทั้งหลายชื่อว่า พญากันจะนะ ก็ทะรงสีลาเดินอว่ายร่ายเรียงเอียงเขาเข้าเล็มตามหมูยอดอย้าดอยดินเหิน
์
์
สรเด็จเดินเยาะย่างย้ายมามอบขาบไหว้สาคำนบยังต๋นองคคำพุทธเจา พญาฟานคำตั๋วกล้า ได้จ๋าถามยังองคคำ
้
ี่
์
้
้
ั
ว่า ผู้ข้าขอวันทายังต๋นพญาเหนือเกลาต๋นเป็นทเปิ่งแห่งฝูงสตว์ทั้งหลาย ยามนี้ ข้าข้อยจกไดขอหื้อองคคำพุทธ
ั
เจ้าได้เมตตาผายโผดยังฝูงหมู่ผู้ข้าทั้งหลายเหตุว่ามียักษาตัวหานมันจักมาเบียดรานบีทา จักบีบฆ่าฝูงข้าต๋ายคว่ำ
ฝูงแม่แลปั้ดฝูงลูก ฝูงผัวแลปั้ดฝูงเมีย ขอองค์คำพุทธเจ้าจุ่งยกปั๋นธาตุเจ้าไว้เป็นเสรีหมายแนวเกิ้งภัยพาลายักษี
แลยักษา ทั้งหมู่มาราบ่มาเบียดใกล้ ขอองค์คำต๋นใสจุ่งอิ่นนูฝูงหมู่ผู้ข้า องค์คำพุทธเจาได้สดับรับฟังกำฟู่จาแห่ง
๋
้
พญาฟานคำตั๋วนั้น ก็มีใจหลิ่งน้อมเมตตา ซึ่งได้ตรัสรับสั่งว่า ดูรา พญามฤคาเขาคำเหย กันสูเจ้าเล่ามา ตั๋วกูผ ู้
ข้าพระพุทธเจ้า ก็จักยินดีในมฤคียวันทาขาบไหว้แห่งเจ้า แล อิ่นนูขูนายิ่งนักเหตุจักเป็นทุกขาย้อนเหตุภัย
้
อนตวายแห่งฝูงยักษาและมาราทั้งปวง ตั๋วกูผู้ข้าพระพุทธเจา ก็จักยกธาตุเจ้าปงปั๋นไว้ป้องกั๋นเหตภัยพาลาครา
ุ
นั้น มหาอานันต๊ะเจ้า ก็มีเหตุวิตกในมะนะหรทัยยิ่ง เหตุว่าหากธาตุเจ้าได้เถิงยังพญาฟานคำแล้วธาตเจานั้นบ่มี
้
ุ
ผู้ใดมาอุปัตถากดูแล ด้วยว่าพญาฟานตั๋วนั้นก็จักหากิ๋นเช้าเข้าแลงค่ำ บ่มีใจใส่ดูแล ตามเหตุแห่งฝูงสัตว์นั้น ฝ่าย
พระอินตาต๋นพญา ต๋นก๋างจ้องแก้วก้านคำก็ออกปากตกคำว่า ตั๋วผู้ข้านี้จักขออยู่ดูเฝ้าก้อนธาตุเจ้าสบไป แลจก
ื
ั
๊
ู
้
ื
กอยอยู่เฝ้าบังยังหมู่ฝูงฟานคำนี้สอไปปานหน้า ยามนั้น องค์คำพุทธเจาก็ไดจาถ้อยมีว่า ดรา อานันตะเจาเหย
้
๋
้
อินตาเจ้าเหย แล กันจะนะฟานคำเจ้าเหย ขอเจ้าทั้งสามอย่าได้วิตกหมองใจ สืบไปปายหน้าจกมีตนพญาผยัง
๋
ั
ู้
ึ
ุ
้
เถิงปารมีแก้ว จักได้มาสืบก้ำจูพระธาตเจาสืบไป จ๋าแล้วจึ่งยกธาตุเจ้านั้นหื้อกับกันจะนะฟานคำ พญาอินตาจง
เสกข์มายังผะอูบคำอันน้อยมีวรรณะงามดั่งหน่วยในหมาก ปงปั๋นยังกันจะนะฟานคำ พญาฟานคำได้ผะอูบคำ
นั้นมาได้โสมนัสยินดีปากคาบผะอูบคำจธาตุเจ้าแล้วก็ น้อมวันทาใหว้สาองค์คำพุทธเจ้า แล้วก็หกแล่นไปลบล ี้
ั
ุ
หนียังดงป่าไม้ไคว่ได้เก้าวัน ก็อิดอ่อนป๋านใจจักขาดวิ่นจึ่งหมายมีเถิ่งยังข่วงงามยามตะวันแลงก็ได้ขวิดมูนดิน
การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
หน้า ๕๒