Page 359 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 359

เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ทรงลาผนวชแล้วทรงโปรดฯ ให้สร้างวัดพุทไธสวรรย์แต่ก็ไม่ทราบว่า

                                                                                          ้
               วัดพุทไธสวรรย์ในโคลงบทนี้ตั้งอยู่ที่ใดกันแน่ ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด และในขณะเดียวกันก็ไดมีการสร้างกำแพง
                                                  ั้
               เมืองพิษณุโลก ปรากฏใน ยวนพ่าย โคลงดน โคลงบทที่ ๘๐  ได้บอกว่า


                                     ๏ ปางสร้างอาวาศแล้ว          ฤๅแสดง
                                     คือพุทไธสวรรย์หมาย           ชื่อช  ี้

                                     ปางถกลกำแพงพระ               พิษณุ  แล้วเฮย

                                     อยู่ซ่างพระเจ้าฟี้           เฟื้องบร


                       จึงเป็นไปได้ที่สมเด็จพระสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถได้สร้างกำแพงเมืองพิษณุโลกขึ้นในครั้งนี้คงเป็น

               การเปลี่ยนชื่อเมืองจาก “สรลวง-สองแคว” และ “ชัยนาท (ชยนาถ)” เป็นชื่อเมืองพิษณุโลกในคราวนี้เอง
                                                                                                     ้
                       อนึ่งในการออกผนวชของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถไดแสดงถึงนัยยะทางการเมืองระหว่างลานนา
                                                                      ้
                                                                             ี
                                      ุ
               เชียงใหม่และอโยธยาพิษณโลกเช่นกัน ดังที่ได้กล่าวไว้ในตำนานพื้นเมืองเชยงใหม่ ว่า เมื่อนั้นสมเดจพระบรม
                                                                                                 ็
               ไตรโลกนารถมีพระราชประสงค์ที่จะออกผนวชกระทำเนกขัมมบารมีให้พระอินทราชา (พระราชโอรส) สำเร็จ
               ราชการเมืองสองแควแทน แล้วให้ราชทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับหมื่นด้งนครที่เมืองเชลียง - เชียงชื่น แต่ไม่

                                                                  ี
               สำเร็จ สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถจึงส่งราชทูตไปที่นครเชยงใหม่ถวายบังคมเจ้าพระญาติโลกราช ขอเอา
               เครื่องบริขารและพระสงฆ์ในเมืองเชียงใหม่มาบวชให้ เจ้าพระญาติโลกราชก็ได้ทรงแต่งเครื่องสมณบริขารและ
               พระสงฆ์ในฝ่ายอรัญวาสี ๑๒ รูป ให้ไปบวชพระญาใต้บรมไตรโลกนารถ เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถทรง

                                     ื่
                                                                                                      ิ
                                               ั
               ผนวชแล้วทรงให้มหาเถรชอ พระโพธิสมภาระ เป็นราชทูตมาขอบิณฑบาตเอาเมืองเชลียงคืน เจ้าพระญาตโลก
               ราชทรงมีพระราชดำรัสว่า นี่เป็นคำของนักบวชแล้ว อย่าให้มาแก่เรา แล้วโปรดฯ ให้พระมหาเถระประชมสงฆ์
                                                                                                     ุ
               ในฝ่ายอรัญวาสี ให้พระโพธิสัมภาระไปเจรจากับคณะสงฆ์ทั้งหลาย พร้อมด้วยฝ่ายฆราวาสขุนนางในราชสำนัก
               เชียงใหม่อีก พระมหาเถรเชียงใหม่จึงเจรจากับพระมหาโพธิสัมภาระว่า “แต่ก่อน ท้าวพระญาทั้งหลายสละ

               ราชสมบัติแล้วออกบวชในพระศาสนาก็ดี บวชเป็นฤๅษีก็ดี ซึ่งจะปล่อยวางในราชสมบัติ ทีนี้พระญาใต้บรม
               ไตรโลกนารถออกบวชแล้วมาขอเอาบ้านเอาเมืองฉันนี้ไม่ควร” แล้วให้พระโพธิสัมภาระนำความไปทูลแก่

               สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถดังความนั้น

                       จะเห็นว่าจากการกระทำยุทธหัตถีใน พ.ศ. ๒๐๐๐ ที่พระอินทราชาถูกพระแสงปืนที่หน้าผากนั้น ยังมิ
               ทรงสิ้นพระชนม์ ซึ่งในเอกสารฝ่ายล้านนาได้บอกว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถได้ทรงแต่งตั้งพระองค์เป็น

               ผู้สำเร็จราชการต่างพระเนตรพระกรรณเมื่อคราวทรงผนวช เป็นไปได้ว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราช ผู้เป็นพระ

               อนุชาธิราช ได้รักษาราชการที่กรุงศรีอโยธยา แต่ในขณะทสมเดจพระบรมไตรโลกนารถทรงผนวช ทรงแตงตง
                                                                                                      ่
                                                               ี่
                                                                   ็
                                                                                                         ั้
               ให้พระอินทราชา พระราชโอรสขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการที่เมืองพิษณุโลก


                             มหาสรีธัมมติโลกราชะ : ติโลกราชกับอำนาจเหนือดินแดนเหนือล่าง


                                                        หน้า ๗๑
   354   355   356   357   358   359   360   361   362   363   364