Page 814 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 814
้
ล้มป่วยลงรากเดินทางไม่ได้ หลวงพลและพญาสระบุรีจึงไดทิ้งตนไว้อยู่กับพระสงฆ์ที่วัดบ้านพร้าวและพาครัวไปยัง
เมืองเวียงจันทน์ พวกชาวบ้านพร้าวนี้พวกลาวยังไม่ได้กวาดต้อนครัวไป แต่ทำการกวาดต้อนเอาครัวและเผายุ้งฉาง
่
้
ตามรายทางตั้งแตปากดงพญาไฟไป ตนเองรักษาอาการป่วยอยู่ทบ้านพร้าวนี้ได้ราวเดือนหนึ่งก็ไดยินพวกชาวบ้าน
ี่
พูดกับพระว่าพวกลาวจะลงมากวาดเอาครัวบ้านพร้าวไป ต่อมาจึงมีอ้ายลาวสองคนมาบอกแก่นายบ้านพร้าวว่า
กองทัพไทยยกมา ให้นายทัพกวาดครัวบ้านพร้าวไปอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ทำการกวาดครัวไปได้ราวร้อยครัว ส่วน
่
์
ี่
ุ
ตนเองและชายฉกรรจบ้านพร้าวนั้นถูกคุมตัวมาอยู่ทคายหนองบัวลำพู เมื่อมาถึงค่ายตนสังเกตเห็นมีคนอยู่ราวพัน
หนึ่งร้อยกว่าคน พญานรินทร์เป็นแม่ทัพรักษาค่าย ตัวนายค่ายชื่อเพียสิงหนาถ ตำรวจคนหนึ่ง จางวางบ้านปอคน
3
หนึ่ง ตัวค่ายนั้นตั้งล้อมบ้านหนองบัวลำพู เสาค่ายทำด้วยไม้แก่น ค่ายจะกว้างยาวเท่าใดไม่ทราบ มีสนามเพลาะ มี
บ้านเรือนตั้งอยู่ในค่าย ส่วนครัวลาวที่อยู่ในค่ายนั้นจะเป็นลาวจากเมืองใดบ้างตนเองก็ไม่รู้
พอตกรุ่งเช้าทหารลาวเวียงจันทน์ที่ไปลาดตระเวนได้มาบอกว่า กองทัพไทยยกไปถึงพะเนียง ระยทาง
ประมาณ ๕๐ เส้นก็จะถึงค่ายแล้ว คนลาวเวียงจันทน์ในค่ายจึงเอาหอกซัดมาให้ตนเองทำหน้าที่รักษาสนามเพลาะ
มีทหารลาวนั่งเรียงเป็นแถวชั้นเดียวห่างกันประมาณสามถึงสี่ศอก ถือปืน หอก ดาบ ไม้รวกเสี้ยมปลายกระบอง
ครั้นเวลาผ่านไปราวสองหม้อข้าวหุงสุกก็ได้ยินว่ากองทัพไทยยกมาล้อมค่ายแล้ว ตนเองก็นั่งลงได้ยินเสียงปืนยิง
่
ตอบโต้กันจนถึงพลบค่ำ จึงได้ลุกขึ้นมองเห็นทหารลาวโดนยิงตายราวสามสิบกว่าคน จากนั้นก็ได้กลับมานั่งตอ
้
้
่
ุ
จนถึงเวลาเช้า จนกระทั่งทหารลาวที่อยู่ขางๆตนเองลกขึ้นวิ่งหนีแหกออกมาทางประตคายจึงไดวิ่งหนีตามออกมา
ู
้
หลบหนีอยู่ประมาณหนึ่งวันก็ถูกทหารไทยจับตัวได้ถูกนำมาจำคาไว้ที่คายสองวัน ได้ยินว่าจับตัวพญาสระบุรีไดแลว
้
่
จากนั้นตนเองก็ถูกส่งตัวลงมายังกรุงเทพฯพร้อมกับนักโทษคนอื่นๆ
พระลับแลในศึกเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ และร่องรอย เชลยลาวพุงดำ ลาวพุงขาว ในสมัยรัชกาลที่ ๓
~ หน้า ๓๓ ~