Page 20 - ฟิสิกส์นิวเคลียร์
P. 20

20.6 ปฏิกิริยานิวเคลียร์                                                              19


                       การเปลี่ยนสภาพนิวเคลียสที่จะเห็นได้ว่า นิวเคลียสอาจมีทั้งการสลายเป็นนิวเคลียสใหม่ และแตกตัว

               เป็นนิวคลีออนได้ เช่น การแตกตัวของดิวเทอรอนออกเป็นโปรตอนและนิวตรอนเมื่อได้รับพลังงาน 2.22 MeV
               การยิงอนุภาคแอลฟาให้พุ่งชนนิวเคลียสของไนโตรเจนแล้วท าเกิดนิวเคลียสของออกซิเจนและโปรตอน การ

               สลายยของยูเรเนียม-238 ไปเป็นทอเรียม-234 และอนุภาคแอลฟา เป็นต้น กระบวนการที่นิวเคลียส

               เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบ เรียกว่า ปฏิกิริยานิวเคลียร์ (nuclear reaction)
                       ปฏิกิริยานิวเคลียร์ข้างต้นสามารถเขียนเป็นสมการได้ตามล าดับดังนี้


                                            2 1 H + γ → H + n ; γ  มีพลังงาน 2.22 MeV
                                                            1
                                                      1
                                                            0
                                                      1
                                            N + He →  17 O + H
                                                             1
                                               4
                                         14
                                                             1
                                                       8
                                          7
                                               2
                                                               4
                                                    238 U →  234 Th + He
                                                       90
                                                               2
                                               92
                                                                                14
                                                                                      4
                                                                                                    1
                       ในทุกสมการปฏิกิริยานิวเคลียร์ (a, b) ของนิวเคลียส X เช่นปฏิกิริยา  N + He →  17 O + H
                                                                                 7
                                                                                      2
                                                                                                    1
                                                                                              8
               เขียนได้เป็น  N(α, p) O และจะเรียกปฏิกิริยา ผลรวมของเลขอะตอมทั้งก่อนและหลังเกิดปฏิกิริยา
                                   17
                          14
                                    8
                           7
               จะต้องเท่ากัน แสดงว่าระจุไฟฟ้ารวมมีค่าคงตัว และผลรวมของเลขมวลก่อนและหลังเกิดปฏิกิริยาก็จะต้อง
               เท่ากันด้วย ซึ่งแสดงว่า จ านวนนิวคลีออนรวมก่อนและหลังเกิดปฏิกิริยาจะต้องคงตัว
                       การชนระหว่างนิวเคลียสกับนิวเคลียส หรือระหว่างนิวเคลียสกับอนุภาค เขียนปฏิกิริยาได้เป็น
               X + a → Y + b  หรือเขียนได้อีกแบบหนึ่งเป็น X(a, b)Y
                              โดยที่  X   แทนนิวเคลียสที่เป็นเป้า
                                           A   แทนอนุภาคทุ่งเข้าชนเป้า
                                       B   แทนอนุภาคที่เกิดขึ้นใหม่หลังการชน
                                       Y   แทนนิวเคลียสของธาตุใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการชน
                                                              14
                                                                    4
                                                                                  1
               เรียกปฏิกิริยานี้ว่าปฏิกิริยา (a, b) ของนิวเคลียส X เช่น  N + He →  17 O + H เขียนได้เป็น
                                                                    2
                                                                            8
                                                                                  1
                                                               7
                14       17                              14
                                                          7
                          8
                7 N(α, p) O และจะเรียกปฏิกิริยา (  , p) ของ  N
                       จะเห็นว่าปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เสนอมานั้น มีทั้งการสลายที่เกิดขึ้นเองของธาตุกัมมันตรังสี และการ
               แตกตัวของธาตุเสถียรเมื่อมีอนุภาคมาชน ปฏิกิริยาประเภทหลังมีความส าคัญต่อการศึกษาองค์ประกอบของ
               นิวเคลียสมาก เพราะท าให้ทราบว่าโปรตอนและนิวตรอนเป็นองค์ประกอบของนิวเคลียส ยังมีความส าคัญอื่นๆ
               อีก คือ ท าให้สามารถผลลิตไอโซโทปกัมมันตรังสีที่ไม่มีในธรรมชาติได้ เช่น ถ้าพิจารณาตาราง 20.4 ที่บอกมวล
               ของนิวเคลียสของธาตุต่างๆ จะเห็นว่าไม่มีไอโซโทปของธาตุบางธาตุ เช่น  197 Pt,  210 Pb,  233 U
                                                                                  82
                                                                            78
                                                                                         92
               แต่จากการศึกษาพบว่า สามารถผลิตไอโซโทปที่ไม่มีในธรรมชาติขึ้นมา เช่น  197 Pt เกิดจากการยิงนิวตรอนไป
                                                                              78
               ชนแพลทินัม-196 ดังสมการ
                                                  196 Pt + n →  197 Pt + γ
                                               1
                                        78
                                               0
                                                      78
                       โดย  197 Pt จะปล่อยต่อไปเป็น  197 Au และจะปล่อยรังสีบีตาออกมา เพราะครึ่งชีวิต  197 Pt เท่ากับ
                                                                                             78
                            78
                                                  79
               20 ชั่วโมง ปัจจุบันมีการผลิตไอโซโทปกัมมันตรังสีมาใช้แล้ว อาจน าปฏิกิริยานิวเคลียร์มาใช้ในการสร้าง
               นิวเคลียสของธาตุใหม่ เช่น ท าปรอทให้เป็นทองค า ดังนี้
                                     196 Pt + H →  197 Au + n
                                                            1
                                             2
                                                            0
                                                    79
                                      78
                                             1
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25