Page 51 - ความขัดแย้ง การเจรจาและการแบ่งสรรปันอำนาจ
P. 51

ความขัดแย้ง การเจรจา และการแบ่งสรรปันอําานาจ: กรณีศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย และบทเรียนของบางประเทศ
ความขดั แยง้ ทใ่ี ชก้ าํา ลงั และอาวธุ ภายในรฐั A ไมว่ า่ จะเปน็ การใหก้ ารสนบั สนนุ แกก่ ลมุ่ กอ่ ความไมส่ งบ หรอื แมแ้ ตก่ ารใหก้ ารสนบั สนนุ แกร่ ฐั บาลกลางของรฐั A กต็ าม แตใ่ น ขณะเดยี วกนั รฐั อน่ื (รฐั B) กม็ สี ทิ ธปิ ระกาศยอมรบั ในสถานะความเปน็ คสู่ งครามของ กลุ่มก่อความไม่สงบในรัฐ A ได้เช่นกัน แต่กระน้ัน การประกาศยอมรับของรัฐ B มิได้ ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศว่าด้วยการ ดําาเนินความเป็นศัตรู (Conduct of Hostilities) ระหว่างรัฐบาลกลางของรัฐ A กับ กลุ่มก่อความไม่สงบ รวมทั้งมิได้ส่งผลกระทบต่อการวางท่าทีของรัฐอื่นๆ ต่อ สถานการณ์ดังกล่าว ทว่าส่งผลผูกพันทางกฎหมายโดยตรงต่อรัฐ B ท่ีจะต้องเคารพ ตอ่ หลกั ความเปน็ กลางในสถานการณก์ ารขดั แยง้ ทางอาวธุ ทไ่ี มใ่ ชร่ ะหวา่ งประเทศของ รัฐ A ทั้งที่ก่อนการประกาศยอมรับในสถานะความเป็นคู่สงครามของกลุ่มก่อความ ไมส่ งบในรฐั A กฎหมายจารตี ประเพณรี ะหวา่ งประเทศอนญุ าตใหร้ ฐั B สามารถกระทาํา การแทรกแซงโดยใช้กําาลังภายในสถานการณ์การขัดแย้งทางอาวุธท่ีไม่ใช่ระหว่าง ประเทศของรัฐ A ได้ เฉพาะในกรณีท่ีเป็นการสนับสนุนแก่รัฐบาลกลางของรัฐ A ท่ีมี ความชอบธรรมตามกฎหมายเท่าน้ัน ในทางตรงกันข้าม การให้การสนับสนุนต่อกลุ่ม ก่อความไม่สงบในรัฐ A ถือเป็นการกระทําาที่ผิดกฎหมาย ดังนั้น การประกาศยอมรับ สถานะความเปน็ คสู่ งครามของรฐั B จงึ ยอ่ มสง่ ผลทาํา ใหร้ ฐั B สญู เสยี สทิ ธทิ มี่ อี ยแู่ ตเ่ ดมิ ในการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่รัฐบาลกลางของรัฐ A ในขณะเดียวกัน รัฐ B ก็ไม่มีสิทธิในการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่กลุ่มก่อความไม่สงบในรัฐ A ท้ังก่อน และหลังการยอมรับความเป็นคู่สงคราม28
ทั้งนี้ แม้ว่าเป้าหมายที่สําาคัญของการมอบสถานะความเป็นคู่สงครามให้แก่ ทงั้ รฐั และกลมุ่ ตดิ อาวธุ กเ็ ปน็ ไปเพอื่ การบงั คบั ใชก้ ฎหมายมนษุ ยธรรมระหวา่ งประเทศ อันมีผลผูกพันต่อคู่สงครามท้ังสองฝ่ายเฉพาะในช่วงสงครามเท่าน้ัน อย่างไรก็ตาม
28 Yoram Dinstein, “Concluding Remarks on Non–International Armed Conflict,” in
Non–International Armed Conflict in the Twenty–First Century, International Law Studies, Vol. 88, eds. Kenneth Watkin and Andrew J. Norris (Naval War College Press, 2012), 409.
 41





























































































   49   50   51   52   53