Page 146 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 146

เอาสิ่งที่ดี ๆ เข้าสู่จิตของเรา เรียกว่า “ภาวนา” ท ายังไงให้เกิดขึ้น ทายังไงให้จิตผ่องใส ท ายังไงให้
               จิตเบิกบาน ท าอย่างนี้บ่อย ๆ ท าแล้วท าอีก ๆ ถ้าไม่ท าความขุ่นของจิตจะเข้ามาเรียกว่า “กิเลส”

               สิ่งที่จะท าให้จิตของเรามัวหมองมืดมนมันจะเข้ามา  เหมือนเราไม่อาบน้ า  เราไม่แต่งตัว  เราไม่สระ

               ผมหรือว่าท าความสะอาดร่างกาย  เราเดินไปนี้ขี้ฝุ่นเยอะแยะ  ฝุ่นละอองก็เยอะแยะ  อย่างเช่นใน

               ปัจจุบันโรคระบาดเรียกว่าโควิด เราไม่ใส่หน้ากากดูสิ คนนั้นก็ว่าให้ คนนี้ก็ว่าให้ คุณท าไมไม่ดูแล

               ตัวเอง คุณไม่รักตัวเองหรือ อย่ามาแปดเปื้อนฉันนะ อย่ามาติดฉันนะว่าไป จิตของเราก็ขุ่นแล้ว

                     เพราะฉะนั้น เราป้องกันไว้ดีที่สุด เมื่อป้องกันแล้วก็เอาสิ่งที่ดี ๆ เข้าไป เมื่อเราใส่หน้ากากดี

               ร่างกายของเราก็ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มันก็สุขภาพดี จิตของเราก็เหมือนกัน เราต้องเอาสิ่งดี ๆ

               เข้าไป  เมื่อจิตได้สิ่งดี  ๆ  มันก็เป็นวิตามิน  โปรตีน  บ ารุงจิตให้แช่มชื่น  ให้เบิกบาน  เพราะฉะนั้น

               พระพุทธเจ้าเสด็จบังเกิดขึ้นมาในโลกนี้มาแต่ละพระองค์จึงยากมาก ต้องบ าเพ็ญบารมีมานับภพนับ

               ชาติไม่ถ้วน สี่อสงไขยแสนกัปก็ว่าไป อันนี้ก็ที่นับได้ แต่ที่นับไม่ได้ก็เยอะแยะ เพราะว่าพระองค์ก็ได้

               เป็นสุเมธดาบสมาก่อน  ก็มีอิทธิฤทธิ์แล้ว  เหาะเหินเดินอากาศได้  มีบารมีมาแล้ว  จึงมาต่อยอดอีก

                                                                                  ้
                                                ่
               เห็นพระพุทธเจ้าทีปังกรเสด็จมา  ทานก็อธิษฐานว่าอยากเป็นพระพุทธเจาพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง
               ในอนาคต  ทานก็อธิษฐานแล้วก็บ าเพ็ญบารมีมาตั้งแต่โน้น  ทีนี้เมื่อบารมีเต็มแล้ว  เมื่อประสูติมาก็
                            ่
               เปล่ง  “อาสภิวาจา”  เลยว่า  “อคฺโคหมสฺมิ  โลกสฺส”  เราจะเป็นผเลิศที่สุดในโลก  “เชฎโฐหาสฺมิ
                                                                              ู้
                                   ู้
               โลกสฺส”  เราจะเป็นผเจริญที่สุดในโลก  “เสฎโฐหาสฺมิ  โลกสฺส”  เราจะเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก
               “อยมนฺติมา ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว” การเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเราจะไม่เกิดอีก นี่คือการเปล่ง

               วาจาของผู้เลิศจึงได้เปล่งออกมาอย่างนี้  เราเกิดมาเรารู้ไหมว่าเราจะเกิดมาเป็นอย่างไร  เราเกิดมา

               ในตระกูลไหน  พ่อแม่ของเราเป็นอยางไร  เรายังไม่รู้เลย  เกิดมาแล้วยังไม่รู้ทิศทางของชีวิต  แต่
                                                  ่
               พระพุทธเจ้ารู้แล้วว่าเราจะเป็นผู้ยอดเยี่ยม  รู้ทิศทาง  เกิดมามีเป้าหมายที่ชัดเจน  เราจะไม่เกิดอีก

               อย่างนี้ อันนี้คือชัดเจน  เราจะเป็นผู้เลิศที่สุดในโลกก็ชัดเจน เราจะเป็นผู้เจริญที่สุดในโลกก็ชัดเจน

                                    ี่
                                                            ่
               เราจะเป็นผู้ประเสริฐทสุดในโลกก็ชัดเจน  และทานก็ท าได้  แล้วในทสุดก็ตรัสรู้ในวันวิสาขาบูชา  นี่
                                                                              ี่
               คือเลิศที่สุดแล้ว ไม่มีศาสดาใดที่เท่าเทียมพระพุทธเจ้า
                     เพราะฉะนั้น  ท่านจึงเป็นศาสดาเอกของโลก  และการดับขันธ์ของพระพุทธเจ้าก็ดับอย่างผู้

                          ี
               เบิกบาน เรยกว่าไม่กังวล ท่านได้โปรดญาติพี่น้อง พุทธมารดา พุทธบิดาหมดสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่
               มีความห่วงหาอาลัย เพราะญาติพี่น้องก็โปรดหมดแล้ว ก็เป็นพระอริยบุคคลหมดแล้ว ตัวท่านเองก็

               เป็นพระอรหันต์แล้ว ญาติพี่น้องก็เป็นพระอรหันต์หมดแล้ว เรียกว่าหมดกิเลสตัณหาด้วยกันทั้งนั้น

               แล้วจะกลับมาเกิดท าไม  ก็ไม่ต้องกลับมาเกิด  เพราะว่าความห่วงหาอาลยก็หมดแล้ว  จึงดับกิเลส
                                                                                   ั


                                                          ๑๔๖
   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151