Page 168 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 168

เพราะฉะนั้น จิตของเรานี่เวลาคิดมันเป็นกระแส มันเป็นคลื่น มันเป็นคลื่นไป มันเป็นกระแส

               จิตไป เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่ามีใครมีจิตที่ละเอียดก็นั่งสมาธิ เวลามีใครคิดถึงมันก็จะรู้ว่ามันมีคลื่น

               มาหาเรา ก็เหมือนเรามีโทรศัพท์มือถือ พอโทรศัพท์ไปหาคนนั้นมันก็จะดังกริ๊ง ๆ มันก็จะขึ้นทันท  ี

                                                                         ี่
               โอ้  คนนั้นคนนี้โทรมาก็คุยกันรู้เรื่อง  เพราะฉะนั้น  เมื่อวานทพระอาจารย์พูดถึงเรื่องหลวงพ่อปิ่น
                            ี่
               ปัญญาพโล ทคิดดูถูกหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นก็รู้อีก นี่คือเรื่องวาระจิต จิตของบุคคลที่ฝึกดีแล้วย่อมมี
               กระแสจิตที่แก่กล้า ก็เหมือนเวลาเราทายใจเด็ก ๆ นี่ อย่างเด็กจะเดินไปที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ลูก ๆ

               ของเรา  หลาน  ๆ  ของเรา  มันจะเดินไปโน่นเดินไปนี่  เราก็ทายใจมันออกได้  ก็เหมือนกัน  อันนี้

               ธรรมดา ๆ นะ ถ้าหากว่าเราฝึกจิตแล้วมันจะรู้มากกว่านั้น บางคนทฝึกสุนัขมั่ง ฝึกแมวมั่ง ฝึกสัตว์
                                                                              ี่
                                                             ู้
               เลี้ยงนะยังรู้ใจของสัตว์ต่าง ๆ เลย บางคนฝึกลิงก็รใจของลิง ฝึกสุนัขก็รู้ใจของสุนัข ฝึกแมวก็รู้ใจของ
               แมว นี่เป็นสัตว์เดรัจฉาน มันยังรู้เลย

                     การฝึกจิตนี้เราต้องฝึกบ่อย ๆ พอฝึกมากเข้า ๆ จิตที่เคยขุ่น จิตที่เคยหงุดหงิด จิตที่เคยเบื่อ

               จิตที่เคยเซ็ง จิตที่เคยกระวนกระวาย มันก็จะจางไป ๆ ในที่สุดมันก็จะเกิดเป็นจิตใส พอจิตใสมันก็

               รับข้อมูล เป็นกระแสจิตที่ปราศจากสิ่งรบกวน ก็เหมือนเครื่องโทรศัพท์มีคลื่น อย่างคลื่นมีฝนตก มี

               ฟ้าร้อง มีลมพัดอย่างนี้ มันไม่เสถียร สัญญาณไม่ดีก็รับไม่ได้ ขาดเป็นช่วง ๆ แล้วถ้าหากฝนไม่ตก ลม

               ไม่พัดแรง มันก็ท าให้คลื่นมันเสถียรก็คือเต็ม พอเต็มแล้วก็รับได้อย่างดี อินเทอร์เน็ตก็รับได้อย่างดีก็

               ส่งไปได้ทั่วโลก เช่นเดียวกับจิตของเราทปราศจากจิตขุ่น จิตหงุดหงิด จิตเบื่อ จิตเซ็ง จิตกังวลทั้งสิ้น
                                                    ี่
               นี่ แต่ถ้ามันก็จะใส เวลาใครส่งกระแสจิตมันก็จะติ๊ด ๆ ขึ้นมาเลย

                                                                                            ื่
                     เพราะฉะนั้น เราควรฝึกจิตโดยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ทาอย่างนี้เรอยไป นี่คือเรา

               ก าลังสร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่  สรางให้ใคร  สร้างให้ตัวเอง  เพราะว่าเวลาเราสร้างขึ้นมาแล้วก็เผื่อ
                                               ้
               แผ่ให้คนอื่นได้ด้วย เรียกว่าเมตตาธรรม พระพุทธเจายังตรัสไว้ว่า “โลโก ปัตถัมภิกา เมตตา” โลก
                                                               ้
               จะตั้งอยู่ได้ต้องอาศัยเมตตาที่มีต่อกัน  เพราะฉะนั้น  ถ้าเรามีความใจร้ายต่อกันทะเลาะกัน  สามี

                                                                       ่
               ทะเลาะภรรยา ภรรยาทะเลาะสามี ลูกทะเลาะพ่อแม่ หรือวาใครต่อใครทะเลาะกัน ต่อยกันมีเรื่อง
               กัน ฆ่ากัน ก็เพราะขาดความเมตตา พอขาดเมตตาก็เอาอารมณที่โกรธ อารมณ์ชัง อารมณที่โมโห
                                                                          ์
                                                                                                   ์
               ทะเลาะกัน ในทสุดก็ฆ่ากัน ในที่สุดก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรซึ่งกันและกัน ฆ่าล้างโคตรกันไปเรื่อย ๆ
                               ี่
               อันนี้คือเกิดจากอารมณ์ที่ไม่ได้กรอง


                     หลวงพ่อบอกว่าอารมณ์นี่ไหลเข้าสู่จิตทั้งวันทั้งคืน มีทั้งอารมณ์บวกอารมณ์ลบ เมื่อเรามาทา
               สมาธิ เราจะต้องกรองอารมณ์ของเรา แต่กว่าจะกรองให้ดีนะ โอ้ อารมณ์ที่มันเข้ามาสู่จิตของเรานะ

               มันเยอะ อารมณ์บวกอารมณ์ลบ ๆ มันเยอะมาก เมื่อมันเยอะมาก ๆ กว่าจะกรองให้สะอาดหรือว่า



                                                          ๑๖๘
   163   164   165   166   167   168   169   170   171   172   173