Page 172 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 172

่
               วันเข้า นั่งสมาธิทีไร ก็โน่นไปถึงอรูปฌานโน่นนะ บางวันท่านวาไม่ได้มาฉันข้าวเลย เข้าตั้งแต่ ๖ โมง
               เย็นไปถึง ๓ หรือ ๔ โมงเช้า

                     วันหนึ่งก็ไม่ได้มาถวาย ไม่ได้มาท าอาหารถวาย หลวงปู่มั่นก็ถามว่า “แกไปไหนมานี่ ท าไมมา


               ช้า  ไม่ได้มาท าอาหารให้เราเลย”  “ผมนั่งสมาธิเพลินครับ”  “โอ  หน้าที่ก็ต้องรู้หน้าที่สิ  ทาอย่างนี้
               ไม่ได้  หน้าที่ก็ต้องเป็นหน้าที่ก็ต้องมา  สวดมนต์ก็ต้องสวด  นั่งสมาธิก็ต้องนั่ง  เวลาปฏิบัติครูบา

               อาจารย์ก็ต้องปฏิบัติครูบาอาจารย  ทาอย่างนี้ไม่ถูก”  หลวงปู่มั่นท่านก็ว่าให้  พอไปนั่งสมาธิก็
                                               ์

               เหมือนเดิม นั่งสมาธิลึกละทีนี้ โอ ลืมแล้ว แหม หลวงปู่มั่นก็เดินเข้าไปหาหลวงพ่อก าลังนั่งสมาธิใน

               กลด เมื่อก่อนไม่มีมุ้ง ไม่มีมุ้งลวด มันต้องเป็นกลดเหมือนกับร่มใหญ่ ๆ แล้วก็มีมุ้งอย่างนั้น หลวงปู่

               มั่นเดินมาก็เขย่ามุ้งเขย่ากลดปุ้ง ๆ วิริยังค์ “แกมันผิดแล้ว” “ผิดยังไงครับ” “เอ้า นั่งสมาธิเข้าไป

               อรูปฌานก็ผิดซิ มันผิดทาง ต้องเอาจิตลงมา ไปอยู่อรูปฌานนานเกินไปมันไม่ดี มันสูบกินพลังจิตรู้

               ไหม”

                     หลวงพ่อบอกว่าตั้งแต่บัดนั้นมาหลวงพ่อไม่เคยเอาจิตเข้าสู่สมาธิลึกเลย     ถึงเข้าไปก็เป็น

               บางครั้งบางคราว แต่ไม่ลึกเป็นวันเป็นหลายชั่วโมง จนลืมมาทาหน้าที่ของตัวเอง หลวงพ่อบอกว่า

               หลวงปู่มั่นมีบุญคุณและมีเมตตาต่อท่านมาก ขนาดท่านจะเดินหลงทาง หลวงปู่มั่นยังมาเตือนถึงใน

                                                                                                 ่
                                                                          ั้
               มุ้ง  ท่านเคารพหลวงปู่มั่นอย่างสุดซึ้ง  เพราะฉะนั้น  ท่านทงหลายหลวงพ่อบอกว่าทานสอนนี่
                                                                ี่
                                       ู้
               ต้องการอยากให้ทุกท่านรจักสัมมาสมาธิ ก็คือสมาธิทถูกทาง ถ้าหากว่าเข้าอยู่ในมิจฉาสมาธ นั่งเป็น
                                                                                                   ิ
               ๑๐ ปีมันก็จะสูบกินพลังจิต ท่านว่าอย่างนี้ ๑๐ ปีก็ได้สมาธิ แต่มันสูบกินพลังจิต พอสูบกินพลังจิต
               ไปเรื่อย ๆ มันก็หมด เหมือนได้เงินมาเยอะ ๆ ก็ใช้จ่ายเงินหมด เงินหมดก็เป็นคนจน เหมือนเป็น

               เศรษฐีแต่ไม่ได้เป็นเศรษฐี ท าไม ก็เพราะเงินมันหมดแล้ว ก็ท านองเดียวกันท่านว่าอย่างนี้

                                             ิ
                     เพราะฉะนั้น การทาสมาธท่านจึงเน้นเรื่องสัมมาสมาธิ คือสมาธิตั้งแต่ปฐมฌาน ทุติยฌาน คือ

               ฌาน ๑, ฌาน ๒, ฌาน ๓, ฌาน ๔ อย่างนี้เรียกว่า “สัมมาสมาธิ” ต้องท าแล้วท าอีก ๆ กว่าจะรู้ว่า

               ฌาน ๑ เป็นยังไง ฌาน ๒ เป็นยังไง ฌาน ๓ เป็นยังไง ฌาน ๔ เป็นยังไง เราไม่ใช่รู้ง่ายไป ต้องอาศัย

               วสีทั้ง ๕ ช านาญในการเข้า ช านาญในการออก เรียกว่าการช านาญในการด ารงอยู่ กว่าจะรู้ก็ไม่ใช่

               ง่าย  ๆ  เพราะฉะนั้น  ก็ต้องปฏิบัติไปเรื่อยไปก็แล้วกัน  เมื่อไหร่เราง่วงก็หลับไปมั่ง  นอนมั่ง  ตื่นมั่ง

               พยายามปฏิบัติก็แล้วกัน มันเป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา มันมีหลังมั่งตื่นมั่ง ผิดมั่งถูก

               มั่ง  ถ้าหากคนที่ไม่ท าผิดเลยนั้นก็คือคนที่เป็นพระอรหันต์แล้ว  รู้ว่าผิดเป็นยังไง  รู้ว่าถูกเป็นยังไง


               ท่านจะไม่หวนมาทาผิดอีกต่อไป





                                                          ๑๗๒
   167   168   169   170   171   172   173   174   175   176   177