Page 221 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 221

้
               งามเหมือนกับพระพุทธเจาตรัสไว้  พระพุทธเจ้าต้องการอยากให้พวกเรานี้งามในเบื้องต้น  งามใน
               ท่ามกลาง และงามในบั้นปลายด้วย จะงามอย่างไร เอ้า ก็รับศีลซิ ศีลคือข้อปฏิบัติในชีวิตของเรา

               เรามีศีล  เราท าดีแล้ว  เราก็ท าต่อเนื่องไปเหมือนกับว่า  เรารู้ว่าร่างกายของเราสกปรก  เราก็ช าระ

               ร่างกาย ก็จะหล่อก็จะสวยขึ้น อันนี้คือการช าระร่างกาย เพราะฉะนั้น การช าระจิตใจก็เหมือนกัน

               จิตมันสกปรก จิตมันรกรุงรังด้วยความเบื่อ ด้วยความเซ็ง ความเครียด ความหงุดหงิด ความน้อยใจ


                                                                                          ้
               ความเสียใจ  อันนี้มันทาให้จิตสกปรก  เราก็ต้องช าระด้วยศีลนี้แหละ  ท ายังไง  เอา  ทาให้เป็นปกติ

               อย่างเราเดินจงกรม  ได้เวลาก็เดินจงกรม  เวลานั่งสมาธิก็มานั่งสมาธิ  เวลานี้ได้เวลาสวดมนต์ก็มา
               สวดมนต์  นี่คือช าระจิตของตัวเองทาได้อย่างนี้ให้เป็นปกติ  ถ้าทาได้  นั่นคือเราช าระจิตของตัวเอง


               เวลานี้เราก็อาบน้ า เวลานี้ก่อนนอนและตื่นนอน อาบน้ าเป็นยังไง ร่างกายสะอาดดีไหม มันก็ย่อมดี

               มันก็ดูดีขึ้น และก็ประแป้งแต่งตัว เขามาอีกหน่อย มีเสื้อผ้าดี ๆ และก็พิจารณาด้วยชุดนี้ดีไหมก็ว่า

               กันไป พิจารณาไป และในที่สุดมันก็จะพึงพอใจ ถ้าหากว่ามีกระจกส่องบ้าง  ส่องไปส่องมาเอามัน

               เต็มที่ มั่นใจแล้วค่อยออกจากบ้าน นี่คือการช าระร่างกายของเรา ปรับปรุงร่างกายของเรามันดี ใจ



               ของเราก็เหมือนกันเอาศีลเคยท ายังไง ใจมันดียังไง ใจมันสะอาด เคยทายังไงไม่สกปรก ทาให้เป็น
               ปกติ  ท าให้เป็นนิสัย  ให้เป็นอุปนิสัยและก็เป็นนิสัย  มันก็จะคล่องแคล่วไม่เคอะเขิน  ไปที่ไหนก็ไม่

               เคอะเขิน เพราะว่าเรามีกิริยามารยาทงาม

                     ศีลท าให้กริยางดงามทั้งทางกาย งามทั้งวาจา กายเรียบร้อย วาจาเรียบร้อย แค่นี้ก็งามแล้ว

               แต่ถ้าหากว่าร่างกายไม่เรียบร้อย  มันรกรุงรัง  เราท าให้มันดี  กริยามารยาท  พูดเพราะจังเลย

               มารยาทงามเหมาะแล้ว ค าพูดก็สุภาพ พูดเพราะจังเลย พูดดีจังเลย แต่คนนี้พูดค าหยาบ ฟังไม่ได้

               บางคนพูด เอาอะไรมาพูดนี่ ก็ว่ากันไป ถ้าหากว่าเข้าสู่ศีล ศีลก็จะมาระงับพวกนี้ไม่ให้ไปประพฤติ

               ในทางที่ไม่งามและทางวาจาก็ไม่พูดค าที่ไม่ดี เช่น พูดส่อเสียด พูดค าหยาบ พูดเพ้อเจ้อ พูดโกหก

                                                                                           ้
               เราก็จะไม่พูดแล้ว มันก็จะท าให้วาจาของเราไม่งดงาม ส่วนกายของเรา เราก็ไม่ท ารายคนอื่นเขา ไม่
                                                                                       ั
               ประทุษร้ายคนอื่นเขา แม้แต่ตัวเองก็ไม่ประทุษร้าย ไม่ประพฤติในทางข่มเหงรงแกคนอื่น อันนี้มันก็
               เป็นศีลขึ้นมา มันก็งามแล้วกิริยามารยาทก็งาม วาจาก็งาม

                     เพราะฉะนั้น ศีลท าให้เรางามในเบื้องต้น ส่วนสมาธิก็จะมาขัดเกลาจิตของเรา พอมันงามแล้ว

               ก็ท าให้มันนิ่งต่อไปอยู่ตรงนี้ อยู่ที่ค าพูด นิ่งอยู่ที่การกระท าของเรา ตรงไปตรงมา ไม่ท าให้กายของ

                      ้
               เราท ารายคนอื่น แบบนี้มันก็งามแล้ว ปัญญาของเราเป็นอย่างไร ก็มาแยกแยะว่าค าพูดนี้สุภาพไหม
               ค าพูดเหล่านี้เป็นการพูดดูถูกผู้อื่นไหม ค าพูดเหล่านี้เป็นการใส่ร้ายคนอื่นไหม ค าพูดเหล่านี้เป็นการ






                                                          ๒๒๑
   216   217   218   219   220   221   222   223   224   225   226