Page 222 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 222

นินทาไหม ปัญญาก็มาแยกแยะ ที่นี้เมื่อแยก แยะได้ก็มาท า มันก็แยกแยะได้ด้วยปัญญา ในที่นี้ก็คือ

                                                ิ
               งามในที่สุด เพราะฉะนั้น ศีล สมาธ ปัญญา จึงเป็นแหล่งที่จะท าให้เกิดความงามและความดี
                                                                              ั่
                     ในสมัยพระพุทธเจ้าก็มีอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขาท าโรงทานไปทวทุก ๔ มุมเมือง อนาถบิณฑิก
               เศรษฐีเป็นที่พึ่งของคนทุกข์ยากและคนล าบาก ที่นี้เมื่อรับคนงานมาเรื่อย ๆ มีคนงานคนหนึ่ง เขา

                       ี่
               มาช่วงททุกคนรับศีลไปแล้ว เขาก็ไม่ได้รับศีลก็ไปท างานมา ๖-๗ วัน วันที่ ๘ เป็นวันรับศีล เขามา
               ในระหว่างนี้ เมื่อไปท างาน เขามีหน้าที่ตัดฟืน ไปตัดฟืนเข้าป่าเข้าดง ที่นี้กลับมาบ้าน คนก็เข้ามาขอ

               ข้าวหน่อยขอแกงหน่อย  จะมาอยู่ที่บ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐี  ก็จะบอกว่าคนมันพลุกพล่าน

               เยอะแยะ ที่นี้มีวันหนึ่ง แกกลับมาบ้านตอนเย็น วันนี้ท าไมเงียบจังเลย ไม่มีใครมาขอข้าวขอแกงเลย

                                                                                       ุ
               หายไปไหนกันหมดนะ ไปถามเพื่อน ๆ คนหายไปไหนหมด อ้อ วันนี้วันพระ ทกคนรับศีล ๘ เขาไม่
               ทานข้าวเย็นกัน มียังงี้ด้วยหรือ เอ้ ศีลเป็นยังไง ฉันก็รู้นิดหน่อย ไปถามเจ้านายเถอะ โอ้ ฉันแต่งตัว

               มอมแมม ฉันจะไปถามเจ้านายได้อย่างไร แกไปถามนั่นแหละ

                     ศีลมี ๘ ข้อ ไปถามเจ้านายเถอะ ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอก เจ้านายพาฉันไปทานข้าวเย็น

               ฉันก็ไม่ทานข้าวเย็น แม้แต่เด็กที่เกิดขึ้นมาใหม่จะไม่ให้ข้าวให้นม พากันมารับศีลทั้งหมด เพราะว่า

               อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นพระโสดาบันแล้วก็อยากให้บรวารรับศีลกันทงหมด           คนงานทั้งหมดก็ได้
                                                                 ิ
                                                                              ั้
               รวมกันสร้างร่วมกันรักษาศีล  ๘  ที่นี้คนงานตัดไม้คนนั้น  ก็เข้าไปหาอนาถบิณฑิกเศรษฐี  “เจ้านาย

               ครับ  วันนี้ผมไปที่โรงครัวโรงอาหาร  ไม่มีใครกินข้าวแม้คนเดียวเลย  วันนี้เงียบผิดปกติไปไหนหมด

               เหมือนป่าช้าเลย” เศรษฐีก็บอกว่า “เจ้าคนตัดฟืนเอ๊ย ทุกวันพระฉันให้คนงานทุกคน แม้แต่เด็กก็

               ให้รับศีล ๘” คนงานตัดฟืนถามว่า “ศีล ๘ ของเจ้านายคืออะไรบ้าง จะขอรับ ๑ วัน ๑ คืน แต่เช้าก็

                                                               ิ
               จะไปถึงในวันพรุ่งนี้ ๖.๐๐ น. ได้ไหม” อนาถบิณฑกเศรษฐีจึงอธิบายศีลข้อ ๑ คืออะไร ศีลข้อ ๒
               คืออะไร ศีลข้อ ๓ คืออะไร ศีลข้อ ๔ คืออะไร จนถึงศีลข้อ ๘ คืออะไร “ผมขอรับ ๑ วันได้ไหม

               ตอนนี้  ๑๘.๐๐  น.”  ก็คือมีคนรับประทานอาหาร  ตอนนี้เป็นตอนเย็นแล้วเขาก็ไปท างานทั้งวัน

               ท างานตอนเช้าก็ไม่ได้ทานข้าว เศรษฐีบอกว่า “อย่าเลย ไม่ได้ทานข้าวมาทั้งวัน อย่ารับเลย” “ผม

               อยากได้บุญนะ คนอื่นยังเอาบุญ เขาว่ารักษาศีลแล้วจะได้บุญ ผมขอบ้างครึ่งวันก็เอา เอาจริงนะ”

               “ถ้าจะรับจริงก็ประนมมือขึ้น ว่าไปข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ ข้อ ๕ ข้อ ๖ ข้อ ๗ ข้อ ๘ เอาแหละดี

               ใจ ต่อไปคนงานก็เหมือนกันทุกคน”

                     เมื่อรับศีล ๘ แล้วกลับบ้านไปนอนที่ห้องพักของตัวเองก็ดื่มน้ า ท างานหนัก ๆ มาทั้งวัน แบก


               ตอไม้ กิ่งไม้ ต้นไม้ ก้านไม้ เอามาหมดมาทาฟืน เหนื่อย ที่นี้หิวข้าวแล้วก็ไม่มีอะไรทานได้ ก็ต้องดื่ม
               น้ าจ๊อก ๆ แก้ปวดท้อง ลมมันตีขึ้นมาในกระเพาะของเขามากเกินไปก็ร้องครวญคราง เพอนก็บอก
                                                                                                 ื่


                                                          ๒๒๒
   217   218   219   220   221   222   223   224   225   226   227