Page 261 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 261

์
               ภาคทฤษฎี เมื่อไปขับจริง ๆ แล้วนี่อยู่ในสถานการณจริง ๆ ความเร็วเท่านี้ แต่ว่าในถนนไม่ใช่มีรถ
               เราคันเดียว  มันมีเยอะแยะ  ทางซ้ายทางขวาสวนกันก็มี  ทั้งรถมอเตอร์ไซค์  จักรยาน  รถเก๋ง

               รถบรรทุกอ้อย สารพัดรถมันก็อยู่บนถนน เพราะว่ารถมันต้องใช้ถนน เพราะฉะนั้น ไม่ใช่มีรถเราคน

               เดียว  เพราะฉะนั้น  เวลาเราไปเจอเหตุการณ์จริง  ต้องอยู่ที่ทักษะหรือการฝึกฝน  เขาจะรู้ว่าความ

               พอดีมันอยู่ตรงไหน ถ้าเกินมันก็จะเกิดอุบัติเหตุ บางที่มีเรื่องมีราวกันเกิดขึ้น บอกให้กันซิ่ง บอกให ้

                                                                      ่
               กันเร่งคัน  เร่งขึ้นเรื่อย  ๆ  มันก็เกิดอุบัติเหตุ  เกิดหลายอยางอุบัติเหตุมันย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
                                ่
               เมื่อเราเผลอหรือวาเราไม่เผลอ แต่คนอื่นเขาเผลอมาชนเราก็ได้
                     เช่นเดียวกับการปฏิบัติธรรม  เราก็ต้องการเดินจงกรมบ้าง  การนั่งสมาธิบ้าง  การฟังธรรมะ

               บรรยายบ้าง แล้วก็สวดมนต์บ้าง หลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างนี้ เราก็ผสมผสานกันเข้าไปมัน ก็จะเป็น

               ทักษะหรือว่าการฝึกฝน  ทาให้เราเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย  จากความเข้าใจนี่เอง  จึงจะท าให้เรานี้ร ู้

               ว่าความพอดีอยู่ตรงไหน  พระพุทธเจ้าทรงได้แสดงถึงทุกข์  สมุทย  นิโรธ  มรรค  ทางที่ด าเนินไป
                                                                           ั
               พอเหมาะพอดีให้แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ซึ่ง ๑ ใน ๕ ก็คือโกณฑัญญะ ได้มีดวงตาเห็นธรรมที่ทานพูด
                                                                                                    ่
                                                                                      ็
               ออกมาว่า “ยังกิญจิ สมุทยธัมมังสัพพันตัง นิโรธธัมมันติ” สิ่งใดมีการเกิดขึ้นเปนธรรมดา สิ่งนั้นก็ดับ
                                                                                                 ุ
               ไปเป็นธรรมดา พระพุทธเจ้าจึงอุทานว่า “อัญญาสิ วตโภโกณฑัญโญ” พระพุทธเจ้าทรงอทานถึง ๓
               ครั้งว่า โอ้ โกณฑัญญะได้มีดวงตาเห็นธรรมแล้ว ต่อแต่นี้ไปเธอจะไม่มืดบอดอีกต่อไป เส้นทางของ

               เธอก็คือเส้นทางไปสู่พระนิพพาน พระพุทธเจ้าได้สักขีพยานการตรัสรู้ของพระองค์นั้นมีผู้รู้มีผู้เห็นมี

               ผู้เข้าใจ พระองค์ก็ทรงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่งและก็พิจารณาดูอีก ๔ รูป พระวัปปะ พระมหานามะ

                                            ่

               พระภัททิยะ และพระอัสสชิ ทานเหล่านี้ทาไมไม่เข้าใจเพราะอะไร ก็เพราะว่าท่านยังลังเลสงสัยวา
                                                                                                         ่
                                    ิ
               พระพุทธเจ้านี้ตรัสรู้จรงไหม  ไอ้ความลังเลสงสัยนี่แหละเป็นเหตุกั้นก็เลยฟังอย่างไม่ตั้งใจฟัง  ส่วน
                                                      ่
               พระโกณฑัญญะนั้นมีความเชื่อมั่นศรัทธาวา  พระพุทธเจ้านั้นได้ตรัสรู้จริง  เพราะว่ามีรัศมีออกจาก
               พระวรกายของท่าน พระโกณฑัญญะนี่ท่านเห็นแล้วก็เลยเกิดความศรัทธา ส่วนอีก ๔ รูป ยังลังเล

               อยู่  แล้วก็เป็นเรื่องทบุญวาสนาบารมีของแต่ละท่านยังสั่งสมไม่ถึง  ส่วนพระโกณฑัญญะนี่ท่านก็
                                    ี่
                                                                         ่
               ปรารถนาว่าขอให้ดวงตาเห็นธรรมเป็นคนแรกและก็สมแล้วที่ทานได้ดวงตาเห็นธรรม
                     เมื่อพระพุทธเจ้าทรงพิจารณาถึง ๔ รูปที่เหลือ พระองค์ก็ทรงทราบแล้ว พระวัปปะขาดตรงนี้

               พระภัททิยะขาดตรงนี้ พระมหานามะขาดตรงนี้ และพระอัสสชิขาดตรงนี้ ท่านก็เรียกมาถามต่อท         ี

               ละองค์ ๆ ในที่สุดปัญจวัคคีย์ทั้ง ๔ รูป ก็เกิดดวงตาเห็นธรรมเหมือนท่านโกณฑัญญะ พระองค์ก็ทรง

               พิจารณาว่าปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ องค์นี้ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว ก็เหมือนว่าจบหมอแล้วแต่ยังไม่มีเครื่อง

                  ็
                          ี่
               เอกซเรย์ ทสามารถเจาะลึกเข้าไปสู่ร่างกายของเราให้รู้ว่าตับอยู่ตรงนี้ ไตอยู่ตรงนี้ ปอดอยู่ตรงนี้ มัน

                                                          ๒๖๑
   256   257   258   259   260   261   262   263   264   265   266