Page 264 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 264

เดียว มันเก็บมาหลายภพหลายชาติแล้ว มาชาตินี้ก็มาเก็บข้อมูลใหม่ เพราะฉะนั้น ข้อมูลที่เราเก็บ

               มันเยอะมาก ทั้งเรื่องอดีต ทั้งเรื่องอนาคตทั้ งเรื่องปัจจุบัน เพ้อฝันกันไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น จึง

               เป็นนิมิต นิมิตคือสัญลักษณ์ จะเป็นรูปก็ได้ จะเป็นเสียงก็ได้ จะเป็นกลิ่นก็ได้ มันก็เป็นสัญลักษณ์

               อย่างใดอย่างหนึ่ง

                     มหาเศรษฐีคนนี้ชื่อ “ยสะ” ได้ตื่นขึ้นมาเห็นพวกนางฟ้อนนางร าทั้งหลายนอนระเกะระกะ โอ้

                                   ี
               เกิดอุทานขึ้นมาทันท “ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ” แล้วเดินออกจากปราสาทของตนเองมุ่งไป
               ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งขณะนั้นพระพุทธเจ้าก็เดินเสด็จจงกรมในช่วงตี ๔ เสด็จกลับไปกลับมา

                                         ี
               เขาคงเดินทางเมืองพาราณสมาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันก็ประมาณ ๑๐ กิโล ประมาณนั้น ทางก็คง
               ไม่ดีเท่าไหร่ เที่ยงคืนน่ะมาถึงตี ๔ พระพุทธเจ้าก็ทรงจงกรมอย ได้ยินเสียงยสะกุลบุตรร้องขึ้นมาว่า
                                                                         ู่
                  ี่
               “ทนี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ” เหมือนคนเสียสติ เดินมาบ่นมาเรื่อย ๆ พระพุทธเจ้าก็ได้ยินก็
               ทรงส่งกระแสเสียงออกไปว่า “ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง เชิญท่านมาทางนี้เถอะ เราจะแสดงธรรม

               ให้ฟัง” ยสะกุลบุตรได้ยินอย่างนั้น ก็โอ้มีที่ไม่วุ่นวายด้วย มีที่ไม่ขัดข้องด้วย พอได้ยินอย่างนั้นก็เดิน

                               ้
               เข้าไปถอดรองเทาแล้วก็เห็นพระพุทธเจ้าประทับยืนอยู่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าที่ นี่ไม่ขัดข้อง ที่นี่ไม่
               วุ่นวาย  พระองค์ก็ทรงแสดงธรรมเรื่อง  “อนุปุพพิกถา”  ก็คือ  พรรณนาตั้งแต่ง่ายไปหายาก

               จนกระทั่งยสะกุลบุตรบรรลุเป็นพระโสดาบัน  เมื่อบรรลุโสดาบันแล้วก็ตาสว่าง  พอญาติพี่น้องคน

                                                                           ้
               ทั้งหลายก็ตามหา  บิดาของท่านบิดาของยสกุลบุตรมาเห็นรองเทาก็คิดว่าลูกอยู่แถวนี้แน่  ๆ  ก็เลย
                                                        ่
                                                      ้
               เดินไปเห็นพระพุทธเจ้านั่งอยู่ พระพุทธเจาทานใช้อิทธิฤทธิ์ไม่ให้ยสะและพ่อได้เห็นกัน ทง ๆ ที่นั่ง
                                                                                                 ั้
                                                                                        ี่
               อยู่ใกล้กันแต่มองไม่เห็นกัน เพราะถ้าเห็นกันแล้วพ่อของเขาก็คงจะดีใจ จิตใจทจะฟังธรรมะก็จะไม่
               มี พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่ามานี่ ๆ พ่อของเขาก็ถามว่าเห็นยสกุลบุตรไหม ลูกชายข้าพเจ้าเมื่อคืนนี้ออก

               จากบ้านมา อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยทานตั้งใจฟังธรรมะ เราจะแสดงธรรมให้ฟัง
                                                ่
                     พระพุทธเจ้าก็ปูพื้นฐานอีกแหละ  แสดงอนุปุพพิกถาแสดงธรรมจากง่ายไปหายากเสร็จแล้วก็

               ทรงตรัสถึงเรื่องอริยสัจ ๔ ภายหลังต่อมา ยสกุลบุตรได้ฟังเรื่องอริยสัจ ๔ จนบรรลุเป็นพระอรหันต์

                                       ็
               ส่วนบิดาของท่านบรรลเปนพระโสดาบัน  นี่คือบุญกุศลที่ทั้งยสกุลบุตรและก็บิดาของท่านได้สั่งสม
                                     ุ
               ไว้ แค่มาได้ฟังธรรมของพระพุทธเจาก็เกิดดวงตาเห็นธรรมได้บรรลเป็นพระอรหันต์ เป็นอริยบุคคล
                                                                            ุ
                                                ้
               เพราะฉะนั้น  การได้สั่งสมบุญกุศลนี้มันข้ามภพข้ามชาติได้  เมื่อข้ามภพข้ามชาติได้  พวกเราก็อย่า

               ชะล่าใจ  เดี๋ยวนี้โรคภัยไข้เจ็บก าลังระบาดเรียกว่าโรคโควิด  ต่างคนต่างดูแลสุขภาพของตนเองให้ดี

                                                                          ์
               เมื่อสุขภาพดีแล้วก็ชักชวนกันมาสวดมนต์กับวัดเทพเจติยาจารย เราจะมีการจัดสวดมนต์ทุก ๆ วัน
               ก็จะหมุนเวียนพระคุณเจ้าไปทุก ๆ ๓ วัน



                                                          ๒๖๔
   259   260   261   262   263   264   265   266   267   268   269