Page 335 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 335
ื่
พระพุทธเจ้าได้แสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตรมาก่อน เรองธัมมจักกัปปวัตนสูตรนั้น พระองค์ทรงแสดง
อริยมรรคมีองค์ ๘ คือ “สัมมาทิฐิ” คือการเข้าใจที่ถูกต้อง ถูกต้องในที่นี้หมายถึงถูกต้องอะไร
ั
ถูกต้องในเรื่องร่างกายของเรานี่แหละ รู้ว่าบาปเป็นยงไงด้วย รู้วาบุญเป็นยังไงด้วย ทาดีก็ต้องได้ดี
่
คือ สร้างความเข้าใจให้ถูกต้องทุกอย่าง ถ้าสร้างความเข้าใจให้ถูกต้องทุกอย่างแล้ว ก็จะท าถูกต้อง
มันจะไม่ท าผิด เพราะมันเป็นสัมมาคือความถูกต้อง แต่ถ้าหากสร้างความคิดผิดมาแล้ว สร้าง
มิจฉาทิฐิ คือความเข้าใจผดขึ้นมาแล้ว มันก็จะท าผิด พูดผิด คิดผิด พยายามผิด และก็มีสติในทางท ี่
ิ
้
ผิด และก็สมาธิในทางที่ผิด มิฉะนั้นแล้วพระพุทธเจาจะไม่ตรัสว่า “สัมมาทิฏฐิ” ก็คือสร้างให้มัน
ถูกต้อง ถ้าถูกต้องแล้วมันก็เป็นสัมมาทิฐิคือ ความเข้าใจถูกต้อง “สัมมาวาจา” คือ การพูดก็จะ
ถูกต้อง “สัมมาวายามะ” คือความพยายามถูกต้อง “สัมมาสังกัปปะ” คือการด าริก็จะถูกต้อง
“สัมมากัมมันตะ” คือการกระท าก็มันถูกต้อง “สัมมาสติ” คือการระลึกรู้ก็ถูกต้อง “สัมมาอาชีวะ”
คือการเลี้ยงชีวิตก็ถูกต้อง “สัมมาสติ” อันนี้ก็ระลึกรู้อย่างถูกต้อง “สัมมาสมาธ” คือการคิดหรือว่า
ิ
การตั้งใจที่ถูกต้อง มันก็ถูกต้อง ๆ ไปหมด
่
เพราะฉะนั้น ปัญจวัคคีย์ ๑ ใน ๕ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้ฟัง ทานโกณฑัญญะเกิดดวงตา
ั
ั
ในหรือว่าธรรมจักษุเกิดขึ้น แต่อีก ๔ องค์ที่เหลือนั้นยงไม่เกิดขึ้น เพราะว่าไม่แน่ใจ ยังลงเลสงสัยใน
พระธรรมค าสอนของพระพุทธเจา และลังเลในตัวพระพุทธเจาว่าได้ตรัสรู้จริงไหม ท่านยงลังเลอยู่
ั
้
้
แต่โกณฑัญญะได้เชื่อมั่นแล้วว่าท่านได้ตรัสรู้จริง เพราะฉะนั้น จิตก็เลยตั้งมั่นฟังอย่างพินิจพิจารณา
โอ้ ก็เลยเกิด “ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ” สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็น
็
ธรรมดา สิ่งนั้นก็ดับไปเปนธรรมดา พระพุทธเจ้าถึงกับอุทาน “อัญญาสิ วะตะโภ โกณฑัญโญ
ั
อัญญาสิ วะตะโภ โกณฑัญโญ” ถึง ๓ ครั้ง โอ้ โกณฑญญะเข้าใจแล้ว โอ้ โกณฑัญญะรู้ทางสว่างของ
ชีวิตแล้ว บัดนี้เธอจะไม่มืดบอดอีกต่อไป นี่เป็นอย่างนั้น
ทีนี้พระองค์ก็ทรงเช็คดูว่าอีก ๔ องค์ ทาไมไม่เข้าใจ ก็เลยเรียกมาทีละองค์ ๆ ดูสมมติฐานของ
โรคว่าเกิดจากอะไรท าไมไม่เข้าใจ ก็เลยรู้ว่าปัญจวัคคีย์แต่ละองค์ ๆ มีอุปนิสัยใจคอไม่เหมือนกัน จึง
ได้แสดงธรรมะปลีกย่อย เรียกว่า “ปกิณกธรรม” คือ ธรรมะเล็ก ๆ น้อย ๆ ใส่เข้าไปในจิตของวัปปะ
ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ ทั้ง ๔ องค์ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเหมือนกัน พอได้ดวงตาเห็นธรรม
เหมือนกันแล้ว พระองค์จึงได้เรียกมา พอเรียกมาแล้ว ก็ “รูปัง อนัตตา” โดยตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ร่างกายนี่ไม่ใช่ตัวตน นั่นหมายความว่า เกิดดวงตาในแล้ว ถึงจะสอนเรื่องความไม่มีตัวตน
ถ้าสอนก่อนปัญจวัคคีก็จะมึนอยู่นั่นละ เพราะว่าไม่มีดวงตาใน อย่างเรานี่ใคร ๆ ก็พูดได้ ร่างกาย
เป็นอนัตตานะ แต่ไม่รู้จริง มันเป็นเพียงสัญญาคือความจ า เหมือนนกแก้ว นกขุนทอง ก็พูดไปได้ แต่
๓๓๕