Page 100 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 100

มีสติ  แล้วสติมาจากไหนละ  ก็ต้องฝึกเอา  ฝึกยังไง  พระพุทธเจ้าก็ตอบว่า  “กายานุปัสสนาสติปัฏ

               ฐาน” เอาสติไว้ที่กายของเรา เมื่อเรามีกาย เราก็ย่อมรู้ว่ากายของเราเคลื่อนไหวอย่างไร อย่างพูด

               อย่างนี้ เราก็รู้ว่าเราพูด คิดเราก็ต้องรู้ว่าเราคิด จะยกแขนซ้ายยกแขนขวา จะเดินเท้าซ้ายเดินเท้า

               ขวาหรือว่าจะถอยหลังเดินหน้า เอียงขวา เอียงซ้าย เราก็รู้ นี่คือการฝึก เมื่อฝึกแล้ว เอ๊ะ มันผิดตาม

               ธรรมเนียมประเพณีหรือเปล่า หรือว่ามันเป็นมิจฉาทิฐิไหม หรือว่าเป็นมิจฉาสมาธิไหม หรือว่าเป็น

               มิจฉาสติไหม

                     คำว่า “มิจฉา” แปลว่า ผิด อย่างคิดจะด่าคนอื่น คิดจะอิจฉาคนอื่น คิดจะดูถูกคนอื่น อันนี้

                                                                   ่
               เป็นมิจฉา  รู้ว่ามันไม่ดีแต่เราก็ยังคิด  รู้ว่าไม่ดีก็ยังพูด รู้วาไม่ดีก็ยังทำ อันนี้เป็นมิจฉาสติ  ซึ่งถ้าเรา
               ส่งเสริมมัน “ส่งเสริม” หมายความว่า ทำมันต่อเนื่อง มันก็เกิดพลังงาน พอเกิดพลังงานแล้ว มิจฉา

               สติก็เกิดพลังงานลบ เป็นพลังแห่งมนต์ดำหรือว่าจุดดำ เมื่อมันครอบงำจิต มันก็มีอิทธิพลต่อจิต มัน

               ก็ควบคุมจิตให้พูด ให้ว่าให้ด่า ให้อิจฉาคนอื่น ให้ดูถูกคนอื่นเขา ก็เพราะว่ามันเป็นมิจฉาสติ แล้วก็

               เกิดพลังจิตส่วนดำ มันก็มาครอบงำส่วนใส แล้วส่วนใสมันก็โงหัวขึ้นไม่ได้หรือว่ามันโผล่ขึ้นมาไม่ได้

                                                                ็
               เพราะพลังจิตส่วนดำมันครอบงำไว้ มันก็เลยกลายเปนอิทธิพลมาครอบงำจิตของเรา
                       เพราะฉะนั้น  เราก็ต้องสร้างจุดขาวให้มันเกิดขึ้นโดยการสวดมนต์นี่ละ  นั่งสมาธินี่ละ  เดิน

               จงกรมนี่ละ เพราะการเดินจงกรม การนั่งสมาธิ การสวดมนต์เป็นการสร้างพลังจิตส่วนขาวหรือว่า

               ฟอกจิต เวลาเราสวดมนต์นี่ได้ฟอกทั้งจิตฟอกทั้งอารมณ์ ทำไมถึงว่า “ฟอก” ก็เพราะเราสวดมนต์นี่

               เราจดจ่อ จิตตั้งมั่น เมื่อตั้งมั่นสวดไปทุกอักษรที่เราสวด มันก็ไม่ได้คิดไปทางลบ มันก็เป็นทางบวก

               นี่คือการฟอก ฟอกไปฟอกมามันก็จะขาวจนได้ มันก็จะสะอาดจนได้ มันก็จะโล่งจนได้ มันก็จะโปร่ง

               จนได้ นี่เรียกว่า “ฟอกอารมณ” ฟอกจิตให้มันขาว ฟอกจิตให้มันใส พระพุทธเจ้าจึงตรัสวา “กายา
                                           ์
                                                                                                 ่
               นุปัสสนาสติปัฏฐาน เอาสติไว้ที่กายของเรา”

                     นี่คือฝึกมัน แต่ฝึกนี่มันฝึกเป็นมิจฉาสติก็ได้ ฝึกเป็นสัมมาสติก็ได้ เพราะฉะนั้น คนเราบอกว่า

               ให้อยู่กับปัจจุบัน เอาปัจจุบันนี้เป็นปัจจุบันไหนล่ะ ปัจจุบันบวกหรือปัจจุบันลบ อย่างเราจะด่าคน

               อื่น เราก็รู้ว่าจะด่าเขานี่ ด่าเฟ่ง ๆ อย่างนี้มันก็เป็นปัจจุบันเหมือนกัน แต่ว่าเปนปัจจุบันลบ มันเป็น
                                                                                      ็
               อย่างนั้น เพราะฉะนั้น ปัจจุบันมันเป็นปัจจุบันแบบไหน ปัจจุบันมิจฉาสติหรือว่าเป็นสัมมาสติ ท่าน

               ทั้งหลายจงคิดดู

                     เมื่อเราสวดมนต์นี่แน่นอนมันเป็นสัมมาสติอยู่แล้ว  เพราะเราเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามา

               สาธยาย ฉะนั้น วันนี้อยากจะเชิญชวนท่านทั้งหลายได้ร่วมกันสวดพลจักรรัตนสูตร เป็นฉบับที่พระ

                       ์
               อาจารยหลวงพ่อวริยังค์ ท่านเจ้าประคุณ พระญาณวชิโรดม ท่านให้สวดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ สวด ๓
                                ิ

                                                          ๑๐๐
   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105