Page 96 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 96
มัย” บุญเกิดขึ้นเพราะการมีจิตเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่กัน ปรารถนาดีต่อกัน อยากจะให้คนอื่นมีความสุข
ทำอย่างไรก็ได้ให้เขามีความสุข แต่ว่ามันต้องถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ทำในสิ่งที่ไม่ดีให้คนอื่น
มีความสุข มันก็ผิด เพราะฉะนั้น เราก็ต้องทำให้มันถูกต้องดีกว่า
“สีลมัย” บุญเกิดขึ้นเพราะการรักษาศีล อย่างศีลที่ควรทำในขณะนี้ก็คือทุก ๑ ทุ่ม เรามีนัด
หมายกันมาสวดรัตนปริตรออนไลน์ที่วัดเทพเจติยาจารย์ อันนี้คือศีลเหมือนกัน คือทำให้เป็นปกติ
อะไรทำดีแล้วก็ทำต่อไปทำให้เป็นปกติ ทำให้เป็นนิสัย ถ้าทำได้อย่างนี้ก็เป็นศีลแล้ว คือการทำให้
เป็นปกติ ทำดีก็ทำต่อไปต้องทำให้เป็นปกติ อย่างเรานั่งสมาธิเวลาเท่านี้ก็พยายามทำให้มันได้เวลา
ิ
เท่านี้ ๖ โมงเราจะนั่งสมาธิหรือว่าสองทุ่ม เราจะนั่งสมาธิ ๓ ทุ่มเราจะนั่งสมาธ เราก็ทำเป็นนิสัย ให้
เป็นอุปนิสัยและกลายเป็นนิสัยให้มันอยู่ในจิต แล้วก็นอนเนื่องอยู่ในจิต คนเราถ้าทำได้อย่างนี้ นั่น
คือศีล
ศีลคือการทำอย่างไรจะให้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ถ้าหากว่าทำได้อย่างสวดมนต์อย่างนี้
นั่งสมาธิเดินจงกรมเรา คิดว่าเวลาไหนที่เราพอเหมาะพอดีแล้วก็ทำ มันก็จะเป็นนิสัยของเราเอง
ิ
ขออนุโมทนากับทุกท่านที่เข้าร่วมสวดรัตนปริตร วันนี้โรงเรียนพระปรยัติธรรมวัดธรรมมงคล
ก็เข้าร่วมสวดด้วย สวดที่อุโบสถวัดธรรมมงคล มีท่านกานต์ชนะ (พระครูสังฆกิจบรรหาร) เป็นผู้นำ
ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วย แล้วก็ที่ประเทศอินโดนีเซียก็มีคนเข้ามา ๒-๓ คน ทั้ง ๆ ที่เขาฟังไม่รู้เรื่อง
แต่ไม่ใช่จุดประสงค์อันนั้น เขาฟังเพื่อให้เกิดความสงบจิต
เหมือนกับในเรื่องของค้างคาวที่ไปอยู่ในถ้ำ ค้างคาวตั้ง ๕๐๐ ตัว อยู่ในถ้ำสมัยพระพุทธเจ้า
ทรงพระนามว่า “กัสสปะ” ก็มีพระสงฆ์ไปสาธยายเรื่องพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์นี้แหละ ทบทวน
๊
สาธยายกันไปสาธยายกันมา ไอ้ค้างคาวมันก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก มันก็ตั้งใจฟัง เอะ พระสาธยายอะไร
กันหนอ มันกำหนดจิตฟังดู ฟังไปฟังมา มันเข้าสมาธิ เข้าฌานสมาธิ เหมือนกับหลับเลย มันก็หลับ
ตกลงมาตุ้บตั้บ ๆ ตายตั้ง ๕๐๐ ตัว แต่มันฟังไม่รู้เรื่อง แต่มันมีจิตกุศล อยากจะฟัง อยากจะรู้ว่า
อยากจะตั้งใจฟังว่าพระสวดอะไรแค่นี้ จิตที่คิดว่าพระสวดอะไร ทั้งที่ฟังไม่รู้เรื่องและเป็นสัตว์
เดรัจฉานด้วย ในที่สุดก็ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์
ู้
อันนี้คือบทสวดมนต์ที่เราสวดนี้ ถึงจะฟังรเรื่องหรือไม่รู้เรื่อง แต่ขอให้มีจิตจดจ่อ มีความตั้งใจ
แล้วก็คนที่สวดไม่ได้ก็นั่งสมาธิฟังเอา เป็นการสาธยายพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วก็ฟัง
ให้มันเข้าทางหูของเรา มันจะเข้าไปสู่ใจของเราเอง ก็เหมือนกับการที่เรารับประทานอาหาร ใคร
เล่าจะไปรู้ว่า อาหารประเภทนี้มีคาร์โบไฮเดรตเท่านี้ อาหารประเภทนี้มีน้ำตาลเท่านี้ อาหาร
ประเภทนี้มีคลอเรสเตอรอลเท่านี้ มีใครรู้บาง แต่ก็ทานทุกวัน ๆ รู้ว่าเป็นอาหารก็ทาน แต่ก็ไม่รู้ว่า
้
๙๖