Page 128 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 128

ิ
               มนต์เวลานี้  เดินจงกรมเวลานี้  นั่งสมาธเวลานี้  เราก็เข้ามา  ไม่ใช่ได้เวลาแล้วก็ติดโน่นติดนี่ติดนั่น
               เดี๋ยวก็ไปโน่นเดี๋ยวก็ไปนี่ เลยไม่เป็นศีล

                     “ศีล” แปลว่า ทำอะไรให้เป็นปกติ เราได้ตั้งสัจจะว่า เราจะปฏิบัติและศึกษาศีลธรรม ๘ ข้อ

               ข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔, ๕, ๖, ๗, ๘ แล้วก็ทำตามนั้นนี่เรียกว่าศีลพิเศษ การได้ทำให้เป็นปกติจน

               เกิดนิสัย นิสัยมันก็จะเกิดเป็นวาสนา นิสัยคือมันสามารถจะไปนอนเนื่องอยู่ในจิตของเรา วาสนาก็

               ไปอยู่ในจิต มันเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น เราก็ให้มันอยู่เยอะ ๆ เมื่ออยู่เยอะแล้ว มันก็จะแปรเป็นอริยทรัพย ์

               ให้เราข้ามภพข้ามชาติ

                     โอกาสนี้ท่านทั้งหลายได้มาร่วมสมาธิสัญจรออนไลน์กับวัดเทพเจติยาจารย์  ขอให้ทุกท่านได้

               ตั้งอยู่ในสัจจะของตัวเองก็คือความจริงใจ  ความซื่อสัตย์ของตัวเอง  เมื่อเราได้ตั้งสัจจะว่าเราจะ

               ปฏิบัติธรรมให้ได้เวลานี้ เราก็เข้ามา แม้ว่าจะมีขาดบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่เป็นไร มันก็มีเรื่องจำเป็น

               บ้าง แต่ถ้าบางท่านไม่มีเรื่องจำเป็น ก็ขอให้ได้เต็มที่เลย แค่ ๓ วันเท่านั้นเอง

                     ช่วงต่อไปพระสงฆ์จะได้ไปทำกิจของพระสงฆ์ ก็คือไปกวาดลานวัด ทำความสะอาดวัด ส่วน

               ญาติโยมทั้งหลายก็ทำภารกิจหน้าที่ของตัวเองเสร็จแล้ว ๑ ทุ่มเราก็จะมาร่วมกันสวดมนต์ เหมือน

               ดังที่เคยทำมาทุกวันนั้นแหละ เมื่อเราทำอย่างนี้ถือว่าให้โอกาสแก่ตัวเองให้เกิดทานบารมี ศีลบารมี

               เนกขัมบารมี  “เนกขัมบารมี”  หมายความว่า  ออกจากสิ่งที่มันรกรุงรัง  ออกจากสิ่งที่มันเป็นภาระ

               ออกจากสิ่งที่มันทำให้วุ่นวาย มาทำความสงบ คือมาสวดมนต์นี้แหละ เรียกว่า “เนกขัมมะ” เนกขัม

               มะจริง  ๆ  คือออกจากบ้านช่องไปสถานที่ปฏิบัติธรรม  อันนี้ออกทางกาย  ส่วนออกทางใจคือออก

               จากความวุ่นวาย  ออกจากภาระหน้าที่ที่มันเป็นสิ่งอื่น  ภาระหน้าที่ที่เราทำคือภาระหน้าที่ทางด้าน

               จิตใจ  เราจะพัฒนาจิตใจของเราด้วยศีล  ด้วยสมาธิ  ด้วยปัญญา  “ปัญญา”  หมายความว่าการ

               พิจารณาตั้งแต่เท้าไปจนถึงศีรษะ มีส่วนใดของร่างกายที่ไม่เปลี่ยนแปลงบ้าง มีไหม ท่านลองคิดดูให้

               เป็นการบ้าน ลองคิดดูว่าส่วนใดที่คงที่ตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน มีส่วนใดของร่างกายคงที่ไม่มีการ

               เปลี่ยนแปลงเลย นี่คือปัญญา มาพิจารณาดูว่าอะไรที่จีรังยั่งยืน อะไรคงทนถาวร

                     เพราะฉะนั้น แม้แต่ร่างกายของเราก็ไม่มีส่วนใดที่คงทนถาวร แล้วอะไรที่มันคงทนถาวร มัน

                                    ี
               ไม่มี เมื่อไม่มีเราต้องเรยนรู้ให้เข้าใจ เมื่อเรียนรู้เข้าใจแล้วเราก็จะไม่กังวล เมื่อไม่กังกลนั่นแหละเรา
               จะเป็นอิสระ จิตของเราจะเป็นอิสระ เมื่อจิตเป็นอิสระก็ไม่ขึ้นกับใคร เมื่อไม่ขึ้นกับใคร ก็เข้าสู่ความ

               เป็นอิสระภาพหรือเข้าสู่นิพพานไป “นิพพาน” หมายถึง ความเป็นไทจากกิเลสทั้งมวล มันไม่ขึ้นกับ

               กิเลสใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อไม่ขึ้นกับกิเลสใด ๆ ทั้งสิ้นมันจึงอิสระ เมื่อเป็นอิสระมันจึงไม่ตกต่ำมันก็เย็น

               สบาย “นิพพาน” แปลว่าดับ แปลว่าเย็น นิพพานไม่เดือดร้อน “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” นิพพานคือ



                                                          ๑๒๘
   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132   133