Page 135 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 135

็
               ดาบสที่กำลังนอนอยู่ ณ ขณะนี้ เขาปรารถนาที่จะเปนพระพุทธเจ้าพระองค์ใจพระองค์หนึ่ง เขาจะ
               ตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต ถ้าท่านทั้งหลายอยากจะฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าพระองค์นี้

               ขอให้ทำความดีกันให้มาก ๆ” ในที่สุดท่านก็จะได้เกิดในสมัยพระพุทธเจ้าที่ทรงพระนามว่า “พระ

               โคตมพุทธเจ้า”  พระพุทธเจ้าทีปังกรก็เสด็จไปเหยียบที่หลังของสุเมธดาบสข้ามไป  พร้อมด้วย

               พระสงฆ์ ๕๐๐ รูป

                     ตั้งแต่บัดนั้นมา สุเมธดาบสก็เลยบำเพ็ญบารมีมาทุกภพทุกชาติ เรียกว่าบำเพ็ญบารมี ๑๐ ข้อ

               ทาน ศีล เนกขัมมะปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา บำเพ็ญบารมีมาเรื่อย ๆ

               จนกระทั่งไปเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต  เมื่อเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตนี่ถึงเวลาพวกเทวดาทั้งหลายก็

               มาพิจารณาว่า  บัดนี้น่าจะได้เป็นโอกาสที่เทพทั้งหลายจะได้อัญเชิญผู้มีบุญมีวาสนามีบารมีจะได้ไป

               ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้ว  ท้าวมหาพรหมทั้งหลายก็ประชุมกัน  เทวดา

               ทั้งหลายก็ประชุมกัน ก็ได้สังเกตเห็น “สันดุสิตเทพบุตร” มีลักษณะเรียกว่า “บุพนิมิต” ๕ อย่าง

               เกิดขึ้น คือ ๑) ดอกไม้ทิพย์ที่ประดับกายเหี่ยวแห้ง ๒) ทิพย์ภูษาที่สวมใส่มีสีเศร้าหมอง ๓) มีเหงื่อ

               ไหลออกจากรักแร้ ๔) มีผิวพรรณาเศร้าหมองปรากฏให้เห็นชัด ๕) มีความเบื่อหน่ายในเทวโลก เมื่อ

               ทุกคนหมายถึงเทวดาทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้น ก็คิดว่านี่แหละ “สันดุสิตเทพบุตร” นี่เองเป็นผู้มีบุญ

               วาสนาบารมี จะไปตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง

                                                  ่
                     สันดุสิตเทพบุตรก็เลยพิจารณาวาได้เวลาแล้ว  เมื่อเทวดาทั้งหลายต่างอัญเชิญ  ก็ได้พิจารณา
               ว่าเราจะไปประสูติที่ไหนหรือว่าจะไปตรัสรู้ที่ไหน ได้เวลาหรือยัง ท่านก็พิจารณาดู เมื่อพิจารณาดู

               แล้วก็ทราบทันทีว่า “ปัญจวิหากโรกนะ” ก็คือ ความเหมาะสม ๕ อย่างคือ ๑) กาลเวลาของอาย          ุ

                                                                                 ่
               ของมนุษย์ มีกาลเวลาถ้าอายุมากไปกว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของรางกายจะช้ามาก อย่างเช่น
               อายุเป็นแสนปีหรือว่าล้านปีอย่างนี้  กว่าจะเห็นความเหี่ยวแห้งของรางกายมันยากมาก  คนก็จะ
                                                                               ่
                                                              ี่
               เพลิดเพลินมัวเมาอยู่ในรูปสมบัติ ก็จะไม่เห็นการเลยนแปลงของร่างกาย มันเห็นช้ามาก แต่ถ้าอายุ
               มากก็เป็นลักษณะนั้น ถ้าอายุน้อยก็ไม่สามารถปฏิบัติธรรมให้บรรลุก็สิ้นชีวิตก่อน เช่น สัตว์ทั้งหลาย

               อายุ ๕ ปี ๗ วัน อย่างนี้ ๑๐ ปี ๒๐ ปี ถ้าอยู่ในระหว่าง ๑๐๐ ปี น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงและการ

               ปฏิบัติธรรมน่าจะพอเหมาะพอดี  ปฏิบัติธรรมก็จะสามารถบรรลุธรรมได้  ในขณะอายุประมาณ

               ๑๐๐ ปี เมื่อสันดุสิตเทพบุตรพิจารณาอย่างนี้แล้วก็คิดว่า เหมาะแล้ว กาลเวลาเหมาะแล้ว ๒) ทวีป

               ต้องเป็นชมพูทวีปเท่านั้น ทวีปอื่นก็ไม่เหมาะสม เพราะภูมิอากาศและภูมิประเทศไม่ดีพอ ทำให้ไม่

               สมบูรณ์แบบ  ก็เลยเอาชมพูทวีปเป็นทวีปที่เหมาะสมที่สุด  ๓)  ประเทศก็เปนมัชฌิมาประเทศคือ
                                                                                      ็
               ประเทศที่มีประชากรตั้งแต่แย่สุดไปจนถึงร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี  และก็มีเหล่านักปราชญ์เยอะแยะ



                                                          ๑๓๕
   130   131   132   133   134   135   136   137   138   139   140