Page 137 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 137

ิ
               ปาฏิหารย์ให้เห็น การแสดงปาฏิหาริย์นี่คือ  ย่างพระบาทไป ๗ ก้าว และประกาศว่าเราเป็นผู้เลิศ
               ที่สุดในโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก  เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย

               นี่คือพระมหาบุรุษ

                     เราเกิดแล้วเรายังไม่รู้เลยว่าเราจะเป็นยังไง  เรายังไม่มีทิศทางชีวิตของเราเลย  เกิดแล้วจะมา

               เป็นพระ เกิดแล้วจะมาเป็นโยม เกิดมาแล้วจะมาเป็นนักบวช เกิดแล้วจะมาเป็นอะไร เราก็ไม่รู้เลย

               แต่พระพุทธเจ้าเมื่อประสูติมาแล้วรู้ทิศทางของชีวิต เราเป็นผู้เลิศที่สุดในโลก เราจะเป็นผู้เจริญที่สุด

               ในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก และการเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายชัดเจนเลย ชัดเจนมาก ซึ่ง

               เราไม่สามารถพูดอย่างนั้นได้ เพราะบารมีของเราไม่ถึง สติปัญญาของเราไม่ถึง เมื่อสติปัญญาของ

               เราไม่ถึง  เราก็ไม่สามารถที่จะพูดออกมาอย่างนี้ได้ หรือเปล่ง  “อาสภิวาจา”  ได้  คือการพูดที่อาจ

               หาญมาก เมื่อเปล่งเสร็จพระองค์ก็กลับเป็นเด็กธรรมดา เรียกว่าแสดงอภินิหารช่วงใดช่วงหนึ่ง ใคร

               เล่าที่จะแสดงอภินิหารได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ไม่มีหรอก แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ทำไม่ได้ ทำได้บางครั้ง

               บางคราวเท่านั้นเอง เช่น วันนี้จะแสดงปาฏิหาริย์ แสดงยมกปาฏิหาริย์ ก็แสดงได้เป็นบางครั้ง ไม่

               แสดง ๒๔ ชั่วโมงหรอก

                     เพราะฉะนั้น คนมีเงินก็ไม่ใช้จ่ายเงินล้าน ๆ ตลอดเวลา คนที่มีความรู้มากก็ใช่ว่าจะใช้ความร ู้

               ตลอด เป็นบางช่วงก็ต้องมีวันพักผ่อนบ้าง ต้องมีวันนอนบ้าง การแสดงปฏิหาริย์ช่วงใดช่วงหนึ่ง ก็

                                                                                 ่
               เพื่อให้รู้ว่านี่คือปาฏิหาริย์หรือว่าพลังงานที่เราได้สั่งสมไว้  นักมวยหรือวานักกีฬาก็เหมือนกัน  ชกก็
               ชกเต็มที่ พอหมดเวลาก็หยุด พอหยุดแล้วก็หมด ช่วงต่อสู้ใช้พลังงานเต็มที่ การแสดงปาฏิหาริย์ก็ใช้

               พลังงานเต็มที่  เมื่อแสดงเสร็จก็หมดพลังงาน  ต้องกลับมาสะสมใหม่ก็เป็นอย่างนี้  ไม่ใช่ว่าจะแสดง

               ตลอดเวลา ทำไมพระพุทธเจ้าไม่แสดงตลอดเวลา แสดงตลอดเวลาได้ยังไง ถึงเวลาเดินไปธรรมดา

               พระองค์ก็เดินไปธรรมดา  ถึงเวลาเหาะเหินเดินอากาศ  พระองค์ก็แสดงอาการกิรยาเหาะเหิน
                                                                                               ิ
               เดินอากาศ แต่พระองค์ก็รู้ว่านั่นไม่ใช่ทางที่จะทำให้มนุษย์พ้นจากกิเลส  ถึงจะเหาะเหินเดินอากาศ

               นกมันก็เหาะเหินเดินอากาศได้แล้วมันบรรลุเป็นพระอรหันต์หรือเปล่า สัตว์มันบินก็เยอะแยะ สัตว์

               อยู่ในน้ำก็เยอะแยะ สัตว์อยู่ในดินก็เยอะแยะ แล้วมันบรรลุอรหันต์หรือเปล่า มันก็แสดงปาฏิหาริย์

               ของมันได้

                     เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า การแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไม่ใช่สิ่งที่เลอเลิศอะไร ถ้า

               หากว่าปฏิบัติถึง  สะสมพลังจิตถึงก็แสดงปาฏิหาริย์ได้ แต่ที่สำคัญการแสดงปาฏิหาริย์กำจัดกิเลสสิ

               ถ้ากำจัดกิเลสได้นั่นแหละคือสุดยอด เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “อนุสาสนีปฏิหาริย์” คือ

               คำสอนที่ทำให้คนรู้แจ้งเห็นจริงและปฏิบัติได้และก็บรรลุมรรคผลด้วย



                                                          ๑๓๗
   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142