Page 134 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 134

แล้วชื่นใจจังเลย หลวงปู่มั่นเลยบอกว่ามีคนสวดมนต์อยู่แถว ๆ นี้แหละ แถวไหนล่ะ น่าจะเป็นวัด

               เทพเจติยาจารย์ เชียงใหม่นะ นั่น ๆ เป็นอย่างนั้น

                     วัดเทพเจติยาจารย์จัดสวดมนต์เป็นประจำ เพราะฉะนั้น เสียงสาธุก็เลยดังกระหึ่มไปถึงคณะ

                                                                                       ิ
               สมาธิสัญจรของเรา  ทุกครั้งที่เราสวดมนต์จบเราก็สาธุ  ทุกครั้งที่เรานั่งสมาธจบเราก็สาธุ  คือให้
               อนุโมทนาสาธุด้วยยินดีกับเราทั้งหลาย การให้ธรรมทานแก่เทวดาคือการสวดมนต์นี้เอง ธรรมทาน

               คือให้ธรรมะเป็นทาน  ให้ยังไงคือเราก็สวดมนต์  ทุกครั้งที่เราสวดมนต์เราก็อัญเชิญเหล่ากายทิพย์

               ทั้งหลายมาฟัง  เพราะฉะนั้น  เขาก็เลยอนุโมทนาสาธุ  เมื่อสาธุแล้ว  ท่านทั้งหลายที่มีทุกข์  ขอให้

               ปราศจากทุกข์ ที่มีโรคขอให้ปราศจากโรค ที่โชคไม่ดีขอให้โชคดี ที่โชคดีอยู่แล้วให้โชคดียิ่งขึ้น สาธุ

               สาธุ สาธุ อนุโมทามิ นี่แหละจะทำให้จิตของเราที่เคยหดหู่ท้อแท้เคยห่อเหี่ยว มันก็จะฟูขึ้น เป็นจิต

                                       ็
               สดชื่น เป็นจิตเบิกบาน เปนจิตผ่องใสรับเอาบุญเข้าไป
                     พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นสุเมธดาบส เหาะมาทางอากาศ ก็ได้เห็นคนสาธุกัน เอ เขาสาธุอะไร

               กัน มองไปมาก็เห็นคนทำถนน เห็นคนกำลังต้อนรับพระ ได้ทราบว่าเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนาม

               ว่า “พระทีปังกรพระพุทธเจ้า” กำลังเสด็จมา เมื่อเกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงเหาะลงมาจากอากาศลงมา

               ถามชาวบ้าน ผมขอร่วมบุญหน่อยได้ไหม เอาสิ ๆ ฉันกำลังทำถนนให้พระพุทธเจ้าเสด็จไปที่เมืองนี้

               สุเมธดาบสจึงมาเกลี่ยถมพื้นดินที่เปียกที่แฉะ เพราะไม่ต้องการให้พระบาทของพระพุทธเจ้าทีปังกร

               เปื้อนเปรอะไปด้วยสิ่งสกปรก เขากำลังทำถนนหนทางไปเรื่อย  ๆ  ทีนี้มันมีน้ำครำหรือน้ำที่เป็นบ่อ

               เล็ก ๆ บ่อน้อย ๆ ถมไม่เสร็จ โอ้ เร็วเข้า ๆ พระพุทธเจ้ากำลังจะเสด็จมาถึงแล้ว สุเมธดาบสมองไป

                                                           ่
               มองมา โอ้ ไม่ทันแน่แล้ว เหลืออยู่บ่อหนึ่งหรือวามีน้ำครำนิดหน่อย ก็เลยตัดสินใจเอาละ มันเกลี่ย
               ดินถมไม่ทันก็เลยนอนลงไป นอนลงไปคว่ำในน้ำครำนั้นหรือว่าน้ำสกปรกนั่นแล้วอธิษฐานจิตว่า ถ้า

               ข้าพเจ้ามีบุญมีวาสนาในภายภาคหน้า  ขอเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล

               ด้วยเถิด แล้วก็นอนลงไปที่บ่อน้ำครำนั่นหรือว่าบ่อน้ำสกปรกนั่นเอง

                     เมื่อนอนเสรจก็ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงพอดี เมื่อเสด็จมาถึงพระพุทธเจ้าพิจารณาดู
                                ็
               โอ้ บุรุษคนนี้มีความปรารถนายิ่งใหญ่ ถ้าเขาปรารถนาเป็นพระอรหันต์ เขาก็จะสามารถบรรลุเป็น

               พระอรหันต์ในบัดเดี๋ยวนี้  ถ้าเขาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า  เขาจะได้เป็นพระพุทธเจ้าใจอนาคต

               กาลแน่นอน พระพุทธเจ้าก็ยืนประทับพิจารณาอยู่ สุเมธดาบสเห็นเช่นนั้นก็ขออัญเชิญพระพุทธเจ้า

               ได้เสด็จเหยียบพระบาทลงที่ตัวของข้าพเจ้าด้วยเถิด  พระพุทธเจ้าก่อนที่จะเสด็จเหยียบไปบนราง
                                                                                                       ่
               ของสุเมธดาบสก็ประกาศให้ประชาชนทั้งหลายที่ห้อมล้อมอยู่ในบริเวณนั้นว่า  “ท่านทั้งหลาย  ถ้า

                                                                                                      ุ
               ท่านยังไม่ได้บรรลุมรรคผลในปัจจุบันชาติในสมัยของพระพุทธเจ้าทีปังกรนี้      บุคคลผู้นี้คือสเมธ


                                                          ๑๓๔
   129   130   131   132   133   134   135   136   137   138   139