Page 146 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 146

เอาสิ่งที่ดี ๆ เข้าสู่จิตของเรา เรียกว่า “ภาวนา” ทำยังไงให้เกิดขึ้น ทำยังไงให้จิตผ่องใส ทำยังไงให้

               จิตเบิกบาน ทำอย่างนี้บ่อย ๆ ทำแล้วทำอีก ๆ ถ้าไม่ทำความขุ่นของจิตจะเข้ามาเรียกว่า “กิเลส”

               สิ่งที่จะทำให้จิตของเรามัวหมองมืดมนมันจะเข้ามา  เหมือนเราไม่อาบน้ำ  เราไม่แต่งตัว  เราไม่สระ

               ผมหรือว่าทำความสะอาดร่างกาย  เราเดินไปนี้ขี้ฝุ่นเยอะแยะ  ฝุ่นละอองก็เยอะแยะ  อย่างเช่นใน

               ปัจจุบันโรคระบาดเรียกว่าโควิด เราไม่ใส่หน้ากากดูสิ คนนั้นก็ว่าให้ คนนี้ก็ว่าให้ คุณทำไมไม่ดูแล

               ตัวเอง คุณไม่รักตัวเองหรือ อย่ามาแปดเปื้อนฉันนะ อย่ามาติดฉันนะว่าไป จิตของเราก็ขุ่นแล้ว

                     เพราะฉะนั้น เราป้องกันไว้ดีที่สุด เมื่อป้องกันแล้วก็เอาสิ่งที่ดี ๆ เข้าไป เมื่อเราใส่หน้ากากดี

               ร่างกายของเราก็ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มันก็สุขภาพดี จิตของเราก็เหมือนกัน เราต้องเอาสิ่งดี ๆ

               เข้าไป  เมื่อจิตได้สิ่งดี  ๆ  มันก็เป็นวิตามิน  โปรตีน  บำรุงจิตให้แช่มชื่น  ให้เบิกบาน  เพราะฉะนั้น

               พระพุทธเจ้าเสด็จบังเกิดขึ้นมาในโลกนี้มาแต่ละพระองค์จึงยากมาก ต้องบำเพ็ญบารมีมานับภพนับ

               ชาติไม่ถ้วน สี่อสงไขยแสนกัปก็ว่าไป อันนี้ก็ที่นับได้ แต่ที่นับไม่ได้ก็เยอะแยะ เพราะว่าพระองค์ก็ได้

               เป็นสุเมธดาบสมาก่อน  ก็มีอิทธิฤทธิ์แล้ว  เหาะเหินเดินอากาศได้  มีบารมีมาแล้ว  จึงมาต่อยอดอีก

               เห็นพระพุทธเจ้าทีปังกรเสด็จมา  ท่านก็อธิษฐานว่าอยากเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง

               ในอนาคต  ท่านก็อธิษฐานแล้วก็บำเพ็ญบารมีมาตั้งแต่โน้น  ทีนี้เมื่อบารมีเต็มแล้ว  เมื่อประสูติมาก็

               เปล่ง  “อาสภิวาจา”  เลยว่า  “อคฺโคหมสฺมิ  โลกสฺส”  เราจะเป็นผู้เลิศที่สุดในโลก  “เชฎโฐหาสฺมิ

               โลกสฺส”  เราจะเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก  “เสฎโฐหาสฺมิ  โลกสฺส”  เราจะเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก

               “อยมนฺติมา ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว” การเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเราจะไม่เกิดอีก นี่คือการเปล่ง

               วาจาของผู้เลิศจึงได้เปล่งออกมาอย่างนี้  เราเกิดมาเรารู้ไหมว่าเราจะเกิดมาเป็นอย่างไร  เราเกิดมา

                                                  ่
               ในตระกูลไหน  พ่อแม่ของเราเป็นอยางไร  เรายังไม่รู้เลย  เกิดมาแล้วยังไม่รู้ทิศทางของชีวิต  แต่
                                 ่
               พระพุทธเจ้ารู้แล้ววาเราจะเป็นผู้ยอดเยี่ยม  รู้ทิศทาง  เกิดมามีเป้าหมายที่ชัดเจน  เราจะไม่เกิดอีก
               อย่างนี้ อันนี้คือชัดเจน  เราจะเป็นผู้เลิศที่สุดในโลกก็ชัดเจน เราจะเป็นผู้เจริญที่สุดในโลกก็ชัดเจน

               เราจะเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลกก็ชัดเจน  และท่านก็ทำได้  แล้วในที่สุดก็ตรัสรู้ในวันวิสาขาบูชา  นี่

               คือเลิศที่สุดแล้ว ไม่มีศาสดาใดที่เท่าเทียมพระพุทธเจ้า

                     เพราะฉะนั้น  ท่านจึงเป็นศาสดาเอกของโลก  และการดับขันธ์ของพระพุทธเจ้าก็ดับอย่างผู้

                          ี
               เบิกบาน เรยกว่าไม่กังวล ท่านได้โปรดญาติพี่น้อง พุทธมารดา พุทธบิดาหมดสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่
               มีความห่วงหาอาลัย เพราะญาติพี่น้องก็โปรดหมดแล้ว ก็เป็นพระอริยบุคคลหมดแล้ว ตัวท่านเองก็

               เป็นพระอรหันต์แล้ว ญาติพี่น้องก็เป็นพระอรหันต์หมดแล้ว เรียกว่าหมดกิเลสตัณหาด้วยกันทั้งนั้น

                                                                                   ั
               แล้วจะกลับมาเกิดทำไม  ก็ไม่ต้องกลับมาเกิด  เพราะว่าความห่วงหาอาลยก็หมดแล้ว  จึงดับกิเลส


                                                          ๑๔๖
   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151