Page 42 - การวจยทางการศกษา v.7_Neat
P. 42
1.1 การสุ่มโดยบังเอิญ (Accidental sampling) เป็นการสุ่มจาก
สมาชิกของประชากรเป้าหมายที่เป็นใครก็ได้ที่สามารถให้ข้อมูลได้ครบถ้วน การสุ่มโดยวิธีนี้
ไม่สามารถรับประกันความแม่นย าได้ ซึ่งการเลือกวิธีนี้เป็นวิธีที่ด้อยที่สุด เพราะเป็นการ
เลือกตัวอย่างที่มีลักษณะสอดคล้องกับนิยามของประชากรที่สามารถพบได้และใช้เป็นอย่าง
ได้ทันที
1.2 การสุ่มแบบโควตา (Quota sampling) เป็นการสุมตัวอย่างโดยจ าแนก
ประชากรออกเป็นส่วนๆก่อน (strata)โดยมีหลักจ าแนกว่าตัวแปรที่ใช้ในการจ าแนกนั้นควร
จะมีความสัมพันธ์กับตัวแปรที่จะรวบรวม หรือตัวแปรที่สนใจ และสมาชิกที่อยู่แต่ละส่วนมี
ความเป็นเอกพันธ์ ในการสุ่มแบบโควตา นี้มีขั้นตอนการด าเนินการดังนี้
1.2.1 พิจารณาตัวแปรที่สัมพันธ์กับลักษณะของประชากรที่
ค าถามการวิจัยต้องการที่จะศึกษา เช่น เพศ ระดับการศึกษา
1.2.2 พิจารณาขนาดของแต่ละส่วน (segment) ของประชากร
ตามตามตัวแปร
1.2.3 ค านวณค่าอัตราส่วนของแต่ละส่วนของประชากร ก าหนด
เป็นโควตาของตัวอย่างแต่ละกลุ่มที่จะเลือก
1.2.4. เลือกตัวอย่างในแต่ละส่วนของประชากรให้ได้จ านวน
ตามโควตา
1.3 การสุ่มตัวอย่างเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) หรือ
บางครั้ง
เรียกว่าการสุ่มแบบพิจารณา (judgment sampling) เป็นการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ดุลพินิจ
ของผู้วิจัยในการก าหนดสมาชิกของประชากรที่จะมาเป็นสมาชิกในกลุ่มตัวอย่าง ว่ามี
ลักษณะสอดคล้องหรือเป็นตัวแทนที่จะศึกษาหรือไม่ ข้อจ ากัดของการสุ่มตัวอย่างแบบนี้
คือไม่สามารถระบุได้ว่าตัวอย่างที่เลือก จะยังคงลักษณะดังกล่าวหรือไม่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป
1.4 การสุมกลุ่มตัวอย่างตามสะดวก (convenience sampling) การ
เลือกกลุ่ม
ตัวอย่างโดยถือเอาความสะดวกหรือความง่ายต่อการรวบรวมข้อมูล ข้อจ ากัดของการสุ่ม
แบบนี้จะมีลักษณะเหมือนกับการสุ่มโดยบังเอิญ
1.5 การสุมตัวอย่างแบบสโนว์บอลล์ (snowball sampling) เป็นการ
เลือกตัวอย่างในลักษณะการสร้างเครือข่ายข้อมูล เรียกว่า snowball sampling โดยเลือก