Page 27 - คู่มือติดต่อราชการฯ ภ.2
P. 27

14




               การเบิกความ  คืออะไร

                      การที บุคคลไปให้ข้อมูลแก่ศาลในการดําเนินกระบวนพิจารณาคดีเพื อให้ศาลใช้ข้อมูลที ได้รับ


               ประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีนั น  โดยการให้ข้อมูลดังกล่าวจะทําด้วยการให้บุคคลที ไปเบิกความตอบ


               คําถามของศาลหรือของคู่ความแต่ละฝ่าย


                      พยานควรเบิกความเฉพาะเท่าที ตนได้เห็น  ได้ยิน  หรือได้ทราบโดยตรงเท่านั น  และต้องเบิกความ

               ด้วยวาจา  และห้ามพยานอ่านข้อความที จด หรือเขียนมา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล หากเหตุการณ์ที


               พยานไม่แน่ใจหรือจําไม่ได้ให้ตอบไปตรง ๆ ว่าพยานไม่แน่ใจหรือจําไม่ได้  ถ้าพยานฟังคําถามของคู่ความ


               หรือทนายความไม่ชัดเจน  พยานอาจขอให้คู่ความหรือทนายความทวนคําถามใหม่ได้


                      เมื อเบิกความเสร็จแล้ว  ศาลจะอ่านคําเบิกความที บันทึกให้แก่พยานฟัง ถ้าพยานเห็นว่า มีข้อความ

               ใดไม่ตรงกับที ได้เบิกความไว้  พยานก็สามารถทักท้วงขอแก้ไขได้  หากข้อความดังกล่าวถูกต้อง ทั ง


               หมดแล้ว  ศาลจะให้พยานลงลายมือชื อไว้ท้ายคําเบิกความและเป็นอันเสร็จสิ นการเป็นพยาน




               เบิกความเท็จ  จะมีความผิดหรือไม่


                      การเบิกความเท็จเป็นการที พยานเอาความที รู้อยู่ว่าเป็นเท็จมาเบิกความต่อศาล  ไม่ว่าพยานผู้นั น

               จะได้สาบานหรือปฏิญาณตนก่อนเบิกความหรือไม่ก็ตาม  และที สําคัญ  ความเท็จนั นต้องเป็นข้อมูลสําคัญใน


               คดี  ที จะมีผลต่อการวินิจฉัยของศาลที จะนําไปสู่การแพ้หรือชนะคดี  ผู้เบิกจะมีความผิดฐานเบิกความเท็จ


               จะต้องเบิกความไปโดยมีเจตนาคือรู้อยู่แล้วว่าข้อความที ตนเบิกความนั นเป็นเท็จ  การเบิกความเท็จในการ

               พิจารณาคดีต่อศาลจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี


               หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท  หรือทั งจําทั งปรับ  ถ้าเบิกความเท็จในคดีอาญา  ต้องระวางโทษจําคุก


               ไม่เกิน 7 ปี  และปรับไม่เกิน 14,000 บาท
   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32