Page 66 - คู่มือติดต่อราชการฯ ภ.2
P. 66
53
ในกรณีที ผู้อุทธรณ์เห็นว่าคดีต้องห้ามอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์อาจยื นคําขอโดยทําเป็นคําร้องเพื อขออนุญาตต่อ
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคหรือศาลอุทธรณ์ภาคแผนกคดีผู้บริโภคไปพร้อมกับอุทธรณ์ก็ได้
ในกรณีที ศาลชั นต้นสั งไม่รับอุทธรณ์เพราะเหตุต้องห้ามอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์อาจยื นคําขอโดย
ทําเป็นคําร้องเพื อขออนุญาตอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคหรือศาลอุทธรณ์ภาคแผนกคดี
ผู้บริโภคภายในกําหนด 15 วัน นับแต่วันที ศาลชั นต้นมีคําสั งก็ได้ ถ้าคู่ความยื นคําขอดังกล่าวแล้ว
จะอุทธรณ์คําสั งไม่รับอุทธรณ์ไม่ได้
กรณีที ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคหรือศาลอุทธรณ์ภาคแผนกคดีผู้บริโภคมีคําพิพากษา
หรือคําสั งแล้ว คู่ความอาจยื นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง (ในคดีที มีทุนทรัพย์ที พิพาทในชั นฎีกาเกิน 200,000
บาท) และในปัญหาข้อกฎหมายได้ภายในกําหนด 1 เดือน นับแต่วันที ได้อ่านคําพิพากษาหรือคําสั งของ
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภค หรือศาลอุทธรณ์ภาคแผนกคดีผู้บริโภค
หมายเหตุ การยื นอุทธรณ์หรือฎีกาในคดีผู้บริโภค ผู้บริโภคต้องดําเนินการยื นเอง
กฎหมายไม่ได้กําหนดให้ เจ้าพนักงานคดีดําเนินการให้เหมือนกับการฟ้องคดีต่อศาลชั นต้น
คดีที ผู้บริโภคชนะคดีจะดําเนินการบังคับคดีอย่างไร
ในการบังคับคดีผู้บริโภค เจ้าหนี ตามคําพิพากษาอาจมีคําขอฝ่ายเดียวต่อศาลเพื อให้ออก
หมายบังคับคดีไปทันทีโดยไม่จําต้องออกคําบังคับก่อนก็ได้
ในกรณีที ศาลได้มีคําพิพากษาถึงที สุดในคดีผู้บริโภคแล้ว หากความปรากฏแก่ศาลว่ามี
ข้อขัดข้องทําให้ไม่อาจดําเนินการบังคับคดีตามคําพิพากษาได้ หรือมีความจําเป็นต้องกําหนดวิธีการอย่าง
หนึ งอย่างใดเพื อบังคับให้เป็นไปตามคําพิพากษา กฎหมายกําหนดให้ศาลมีอํานาจออกคําสั งเพื อแก้ไข
ข้อขัดข้องดังกล่าวตามความจําเป็นและสมควรแก่กรณีเพื อประโยชน์แห่งความยุติธรรมได้