Page 6 - บทคัดย่อเล่ม 1
P. 6
๒
เจ้ำหนี้ ลูกหนี้ เปลี่ยนแปลงประเภทของนิติกรรม เปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติม หรือสละเงื่อนไขของสัญญำมีผลท ำ
ให้หนี้เดิมเป็นอันระงับไป โดยต้องรับผิดตำมหนี้ที่เกิดขึ้นใหม่ กำรที่ผู้คัดค้ำนต่อสู้ให้ผู้เรียกร้องใช้สิทธิหักกลบลบหนี้
กับธนำคำร ก.จึงเป็นกำรแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ซึ่งจะท ำเป็นสัญญำระหว่ำงเจ้ำหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ก็ได้
แต่จะกระท ำโดยขืนใจลูกหนี้เดิมหำได้ไม่ แต่จำกทำงน ำสืบของผู้คัดค้ำน ธนำคำร ก.หำได้รับรู้ด้วยไม่ จึงรับฟังไม่ได้ว่ำมี
กำรแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ และข้อเท็จจริงได้ควำมว่ำขณะเกิดเหตุอยู่ระหว่ำงบริษัทผู้คัดค้ำนฟื้นฟูกิจกำรและ
ได้รับอนุมัติสินเชื่อจำกธนำคำร ก.โดยมีกำรโอนสิทธิเรียกร้องที่บริษัทผู้คัดค้ำนมีต่อบุคคลภำยนอกซึ่งเป็นลูกหนี้ให้แก่
ธนำคำร ก.ปรำกฏตำมสัญญำโอนสิทธิเรียกร้องแบบเด็ดขำด เอกสำรท้ำยค ำคัดค้ำน ซึ่งเป็นสัญญำระหว่ำงธนำคำร ก.
เจ้ำหนี้ กับบริษัทผู้คัดค้ำนลูกหนี้ โดยผู้คัดค้ำนยอมโอนบรรดำสิทธิเรียกร้องที่มีต่อบุคคลภำยนอกให้แก่ธนำคำร ก.
ผู้ให้สินเชื่อซึ่งเป็นผู้รับโอน เป็นประกันกำรช ำระหนี้ต่ำง ๆ ของผู้โอน และท้ำยสัญญำดังกล่ำวได้มีหนังสือแจ้งกำรโอน
สิทธิในกำรรับเงินตำมสิทธิเรียกร้องให้ผู้เรียกร้องทรำบแล้วด้วย ซึ่งหมำยถึง หำกผู้เรียกร้องเป็นลูกหนี้ผู้คัดค้ำน
ย่อมโอนไปเป็นลูกหนี้ของธนำคำร ก.ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 306 ซึ่งเป็นกำรโอนสิทธิของ
เจ้ำหนี้ มิใช่โอนควำมเป็นลูกหนี้ จึงหำใช่กรณีผู้เรียกร้องเป็นลูกหนี้ของผู้คัดค้ำนไม่ ดังนั้น กรณีตำมที่ผู้คัดค้ำนให้กำร
ต่อสู้ว่ำ ผู้เรียกร้องชอบที่จะหักกลบลบหนี้เอำช ำระหนี้จำกธนำคำร ก. นั้น จึงมิใช่กำรโอนสิทธิเรียกร้อง แต่เป็นกรณี
แปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ กล่ำวคือ เปลี่ยนจำกผู้คัดค้ำนเป็นธนำคำร ก. เป็นลูกหนี้ ตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง
และพำณิชย์ มำตรำ 350 บัญญัติว่ำ กำรแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ นั้น จะท ำเป็นสัญญำระหว่ำงเจ้ำหนี้กับ
ลูกหนี้คนใหม่ก็ได้ แต่จะท ำโดยขืนใจลูกหนี้เดิมหำได้ไม่ กำรแปลงหนี้ใหม่โดยกำรเปลี่ยนตัวลูกหนี้จำกผู้คัดค้ำนมำเป็น
ธนำคำร ก. ต้องมีกำรท ำสัญญำระหว่ำงเจ้ำหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ คือ ผู้เรียกร้องกับธนำคำร ก.จึงจะมีผลสมบูรณ์ เมื่อไม่มี
กำรท ำสัญญำกันระหว่ำงผู้เรียกร้องซึ่งเป็นเจ้ำหนี้กับธนำคำร ก.ซึ่งจะเข้ำเป็นลูกหนี้คนใหม่ สัญญำแปลงหนี้ใหม่จึงไม่
เกิดขึ้น ผู้คัดค้ำนจึงยังคงเป็นลูกหนี้อยู่เช่นเดิม ดังนั้น สัญญำโอนสิทธิเรียกร้องตำมเอกสำรท้ำยค ำคัดค้ำน จึงไม่ใช่
สัญญำแปลงหนี้ใหม่โดยกำรเปลี่ยนตัวลูกหนี้ คือ เปลี่ยนตัวผู้คัดค้ำนซึ่งเป็นลูกหนี้มำให้ธนำคำร ก. มำรับผิดแทน
ผู้คัดค้ำน ผู้คัดค้ำนไม่มีสิทธิให้ผู้เรียกร้องใช้สิทธิช ำระหนี้โดยหักกลบลบหนี้กับธนำคำรได้ ผู้คัดค้ำนยังคงต้องรับผิดในมูล
หนี้นั้นตำมเดิม ผู้คัดค้ำนจึงต้องรับผิดในจ ำนวนค่ำเสียหำยตำมที่ได้ตกลงกันแล้ว มิใช่กำรโอนสิทธิเรียกร้องตำมสัญญำ
เอกสำรท้ำยค ำคัดค้ำน เพรำะมิใช่บริษัท ธ. เป็นเจ้ำหนี้ผู้เรียกร้องแล้วโอนสิทธิเรียกร้องควำมเป็นเจ้ำหนี้ให้แก่ธนำคำร ก.
เรียกร้องให้ผู้เรียกร้องช ำระหนี้ แต่กรณีเป็นเรื่องผู้คัดค้ำนเป็นหนี้ผู้เรียกร้อง จะโอนหนี้ที่ตนต้องรับผิดแก่บุคคลภำยนอก
ให้ธนำคำร ก.ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้รับผิดช ำระหนี้แทนหำได้ไม่ดังที่ได้วินิจฉัยมำแล้ว ดังนั้น เมื่อกำรแปลง
หนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้มิได้เกิดขึ้นเพรำะเหตุอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง หนี้เดิมจึงยังไม่ระงับ ตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง
และพำณิชย์ มำตรำ 351 ผู้คัดค้ำนจึงต้องรับผิดในมูลหนี้ตำมค ำเรียกร้องพร้อมดอกเบี้ยแม้ตำมสัญญำว่ำจ้ำงซ่อมแซม
และบ ำรุงรักษำรถโดยสำรจะมีข้อสัญญำให้ผู้รับจ้ำงชดใช้ค่ำจ้ำงแก่ผู้เรียกร้อง พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ 15 ต่อปี ก็ตำม
แต่กรณีเป็นเรื่องผิดนัดช ำระหนี้ค่ำเสียหำยในลักษณะเบี้ยปรับ ซึ่งคณะอนุญำโตตุลำกำรพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำสูงเกิน
ควร เห็นสมควรลดลงให้ผู้คัดค้ำนรับผิดในค่ำเสียหำยเป็นดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ 7.5 ต่อปี ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและ
พำณิชย์ มำตรำ 383 ประกอบมำตรำ 224
วินิจฉัยมำชี้ขำดให้ผู้คัดค้ำนช ำระเงิน จ ำนวน 285,458.88 บำท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ 7.5 ต่อปี
ของต้นเงินดังกล่ำว นับแต่วันที่ 12 ตุลำคม 2554 เป็นต้นไป จนกว่ำจะช ำระเสร็จแก่ผู้เรียกร้อง ค ำขออื่นนอกจำกนี้ให้ยก
แหล่งที่มำ
ข้อพิพำทหมำยเลขด ำที่ 11/2556
หลักกฎหมำยที่เกี่ยวข้อง : ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำนิชย์ มำตรำ 306 มำตรำ 350
มำตรำ 351 มำตรำ 383 ประกอบมำตรำ 224
คณะอนุญำโตตุลำกำร : นำยสุวรรณ ตระกำรพันธุ์
นำยกุศล แย้มสอำด
นำยเดชำ ยิ้มอ ำนวย
ผู้ย่อ : ศศิรัศมิ์ พรมทัตร์