Page 7 - บทคัดย่อเล่ม 1
P. 7

๓


               2. ข้อพิพำทหมำยเลขแดงที่ 32/2559

               ประเด็นข้อพิพำท  :  1. ผู้คัดค้ำนที่ 1 เป็นฝ่ำยผิดสัญญำหรือไม่

                                   2. ผู้คัดค้ำนทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดในค่ำเสียหำยและค่ำปรับต่อผู้เรียกร้องหรือไม่ เพียงใด

                              ผู้เรียกร้องน ำสืบพยำนแล้วข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่ำ ผู้เรียกร้องเป็นส่วนรำชกำร มีฐำนะเป็น
               กรม และเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำย ส่วนผู้คัดค้ำนที่ 1 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทห้ำงหุ้นส่วนจ ำกัด โดยมี
               ผู้คัดค้ำนที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดกำร และจะต้องร่วมรับผิดกับผู้คัดค้ำนที่ 1 โดยไม่จ ำกัดจ ำนวน เมื่อวันที่ 29 สิงหำคม
               2546 ผู้เรียกร้องท ำสัญญำจ้ำงเหมำผู้คัดค้ำนที่ 1 ให้ซ่อมแซมตัวเรือตำมสัญญำจ้ำง เป็นเงินจ ำนวน 1,140,000
               บำท ผู้คัดค้ำนที่ 1 ได้น ำหลักประกันเป็นเงินสดจ ำนวน 57,000 บำท มอบให้แก่ผู้เรียกร้องเพื่อเป็นหลักประกันกำร
               ปฏิบัติตำมสัญญำจ้ำง ผู้คัดค้ำนที่ 1 ต้องเริ่มท ำงำนที่รับจ้ำงภำยในวันที่ 5 กันยำยน 2546 และให้แล้วเสร็จภำยใน

               วันที่ 5 พฤศจิกำยน 2546 หลังจำกที่ผู้เรียกร้องและผู้คัดค้ำนที่ 1 ได้ท ำสัญญำแล้ว ผู้คัดค้ำนที่ 1 ได้รับเรือไป
               ด ำเนินกำรซ่อมแซม จนกระทั่งล่วงพ้นก ำหนดส่งมอบงำน ผู้คัดค้ำนที่ 1 ก็มิได้ส่งมอบงำนแต่อย่ำงใด ผู้เรียกร้องได้
               เร่งรัดให้ผู้คัดค้ำนที่ 1 ด ำเนินกำรซ่อมแซมและส่งมอบงำน แต่ผู้คัดค้ำนที่ 1 เพิกเฉย ผู้เรียกร้องจึงเชื่อว่ำผู้คัดค้ำนที่ 1
               ไม่สำมำรถท ำงำนให้แล้วเสร็จได้ตำมสัญญำ จึงมีหนังสือแจ้งกำรบอกเลิกสัญญำจ้ำงเหมำดังกล่ำวเมื่อวันที่ 3 มีนำคม
               2547 และสงวนสิทธิในกำรริบหลักประกันสัญญำ กำรเรียกค่ำปรับ ค่ำใช้จ่ำยในกำรท ำงำนต่อให้แล้วเสร็จ และ
               ค่ำเสียหำยอื่นๆ ตำมเงื่อนไขที่ก ำหนดไว้ในสัญญำทุกประกำร เนื่องจำกผู้คัดค้ำนที่ 1 ได้น ำเรือไปท ำกำรซ่อมแซมและ
               นอนคำนที่บริษัท ก. ต่อมำผู้เรียกร้องได้ว่ำจ้ำงห้ำงหุ้นส่วนจ ำกัด อ. เป็นผู้ด ำเนินกำรซ่อมแซมเรือต่อจำกที่ผู้คัดค้ำน

               ที่ 1 ได้ด ำเนินกำรค้ำงไว้ เป็นเงินค่ำจ้ำงเหมำจ ำนวน 1,471,000 บำท บำท เนื่องจำกเรือไปท ำกำรซ่อมแซมและ
               นอนคำนอยู่ที่บริษัท ก. ผู้เรียกร้องจะต้องช ำระค่ำนอนคำนเรือให้แก่ห้ำงหุ้นส่วนจ ำกัด อ. เป็นผู้ทดรองจ่ำยไปก่อน
               จ ำนวน 390,000 บำท (รวมภำษีมูลค่ำเพิ่มแล้ว) ตำมที่ห้ำงฯ ขอเบิกเงินดังกล่ำวจำกผู้เรียกร้อง

               ค ำวินิจฉัยชี้ขำด

                              ประเด็นที่จะวินิจฉัยประเด็นแรก ผู้เรียกร้องมีผู้อ ำนวยกำรส่วนบริหำรกำรพัสดุของผู้เรียกร้อง
               น ำสืบว่ำ หลังจำกที่ผู้คัดค้ำนที่ 1 ได้รับมอบเรือไปท ำกำรซ่อมแซมแล้ว เมื่อครบก ำหนดระยะเวลำส่งมอบงำน
               ผู้คัดค้ำนที่ 1 เพิกเฉย ผู้เรียกร้องจึงได้เร่งรัดให้ผู้คัดค้ำนที่ 1 ด ำเนินกำรซ่อมแซมเรือและส่งมอบงำน แต่ผู้คัดค้ำนที่ 1
               ก็มิได้ด ำเนินกำร ผู้เรียกร้องจึงได้ติดตำมน ำเรือมำท ำกำรซ่อมแซมเอง เห็นว่ำกำรที่ผู้คัดค้ำนที่ 1 ไม่ด ำเนินกำร

               ซ่อมแซมเรือ ให้แล้วเสร็จตำมสัญญำ คือภำยในก ำหนดวันที่ 5 พฤศจิกำยน 2546 และยังได้น ำเรือไปให้บริษัทอื่น
               ด ำเนินกำรซ่อมแซมแทน โดยผู้เรียกร้องมิได้ยินยอมในกำรกระท ำดังกล่ำว จึงรับฟังได้ว่ำผู้คัดค้ำนที่ 1 เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ
                              ประเด็นที่สอง ผู้คัดค้ำนที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดกำรของผู้คัดค้ำนที่ 1 จะต้องร่วมรับผิดกับผู้คัดค้ำน
               ที่ 1 ในควำมเสียหำยที่เกิดแก่ผู้เรียกร้องดังต่อไปนี้
                              (1) ค่ำปรับตำมสัญญำพิพำท คู่สัญญำทั้งสองตกลงกันว่ำ หำกผู้คัดค้ำนที่ 1 ไม่สำมำรถท ำงำนให้

               แล้วเสร็จตำมเวลำที่ก ำหนดไว้ในสัญญำ และผู้เรียกร้องยังมิได้บอกเลิกสัญญำ ผู้คัดค้ำนที่ 1 จะต้องช ำระค่ำปรับให้แก่
               ผู้เรียกร้องเป็นจ ำนวนเงินวันละ 1,140 บำท นับถัดจำกวันที่ก ำหนดแล้วเสร็จตำมสัญญำ จนถึงวันบอกเลิกสัญญำ
               ที่ผู้เรียกร้องน ำสืบว่ำ ผู้เรียกร้องได้บอกเลิกสัญญำเมื่อวันที่ 3 มีนำคม 2547 จึงคิดค ำนวณเงินค่ำปรับนับแต่วันที่ 6
               พฤศจิกำยน 2546 จนถึงวันบอกเลิกสัญญำ รวม 117 วัน นั้น คณะอนุญำโตตุลำกำรเห็นว่ำ เมื่อผู้เรียกร้องทรำบว่ำ
               ล่วงเลยก ำหนดเวลำส่งมอบเรือตำมสัญญำแล้ว ผู้คัดค้ำนไม่อำจส่งมอบงำนแล้วเสร็จตำมสัญญำได้ ผู้เรียกร้องจะต้องใช้
               ดุลพินิจด ำเนินกำรเลิกสัญญำโดยไม่ชักช้ำ ซึ่งไม่ควรเกินระยะเวลำที่จะคิดค ำนวณค่ำปรับนับแต่วันดังกล่ำวเกินร้อยละ
               10 ของมูลค่ำตำมสัญญำ โดยอำศัยนัยตำม ข้อ 138 แห่งระเบียบส ำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยกำรพัสดุ พ.ศ. 2535
               ซึ่งก ำหนดไว้ในกรณีที่คู่สัญญำไม่สำมำรถปฏิบัติตำมสัญญำหรือข้อตกลงได้และจะต้องมีกำรปรับตำมสัญญำหรือข้อตกลง
               นั้น หำกจ ำนวนเงินค่ำปรับจะเกินร้อยละสิบของวงเงินค่ำพัสดุหรือค่ำจ้ำง ให้ส่วนรำชกำรพิจำรณำด ำเนินกำรบอกเลิก

               สัญญำหรือข้อตกลง… กล่ำวคือ ผู้เรียกร้องควรจะเลิกสัญญำไม่เกินวันที่ 13 มกรำคม 2547 เห็นสมควรให้คิดค่ำปรับ
               ผู้เรียกร้องได้ถึงวันที่ 13 มกรำคม 2547 เท่ำนั้น คิดเป็นเงินค่ำปรับจ ำนวน 114,000 บำท
   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12