Page 155 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๑-๒๕๖๑-กฎหมายฯ
P. 155
´ØÅ¾ÒË
¡Òû‡Í§¡Ñ¹ÍÒªÞÒ¡ÃÃÁâ´Â¡ÒÃÅ´ª‹Í§âÍ¡ÒÊ
㹡ÒÃμ¡à»š¹àËÂ×èÍ
¼È. (¾ÔàÈÉ) ´Ã. ÍØ·ÔÈ ÊØÀÒ¾*
อาชญากรรมกับผูเสียหายหรือเหยื่อ (Victims) นั้นมีสวนเกี่ยวของกัน โดยเมื่อ
อาชญากร (Criminal) กระทําการประทุษรายตอเหยื่อ (Victims) โดยละเมิดกฎหมายแลว
ผลที่เกิดขึ้นก็คือมีอาชญากรรม (Crime) หรือความผิดเกิดขึ้น ดังนั้น เหยื่อจึงมีสวนเกี่ยวของ
และสัมพันธกับการเกิดอาชญากรรมโดยตรง หากทําใหเหยื่อมีนอยลง อาชญากรรมก็จะลดลง
ตามไปดวย ดังแผนภาพ
อาชญากร ผูเสียหายหรือเหยื่อ อาชญากรรม
ดวยเหตุนี้ จึงเนนการปองกันอาชญากรรมไปที่เหยื่อดังจะกลาวตอไปนี้
๑. การปองกันอาชญากรรม (Prevention)
ในความหมายอยางกวางนั้นครอบคลุมทั้งการปองกันลวงหนากอนการกระทํา
ความผิด และปองกันภายหลังการกระทําความผิด ซึ่งเมื่อเกิดการกระทําความผิดขึ้นแลว
ก็จะปองกันไมใหผูกระทําความผิดหวนกลับไปกระทําความผิดซํ้าขึ้นอีก
สําหรับผูเสียหายหรือเหยื่อ (Victims) คือบุคคลที่ถูกประทุษรายในทางชีวิต
รางกาย และทรัพยสินโดยปราศจากความยินยอมของผูนั้น นอกจากนั้นผูเสียหายยังหมายความ
คลุมถึงบริษัท หางราน หรือธุรกิจอื่นๆ ที่ถูกประทุษรายในทางทรัพยสินดวย
อาชญากรรมมีความสัมพันธเกี่ยวของกับเหยื่ออยางมาก ซึ่งแยกกันไมออก
โดยอาจจะกลาวไดวาเหยื่อเปนผลที่เกิดขึ้นจากการเกิดอาชญากรรม กลาวคือ หากมี
อาชญากรรมเกิดขึ้นแลวจะตองมีเหยื่อเกิดขึ้นดวย ซึ่งอาจจะเปนเหยื่อที่เกิดขึ้นโดยพฤตินัย
* Ph.D. (Criminology Justice Administration and Society) ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÁËÔ´Å Ãͧ͸Ժ´Õ¼ÙŒ¾Ô¾Ò¡ÉÒ
ÈÒÅᾋ§.
๑๔๔ เลมที่ ๑ ปที่ ๖๕