Page 157 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 157
ดุลพาห
๗.๖ ทำาไมต้องจัดตั้งคณะกรรมการกำาหนดโทษอาญา และคณะกรรมการกำาหนดโทษ
อาญาที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิผลต้องมีคุณลักษณะอย่างไร
อาจมีคำาถามว่าเหตุใดศาลจึงไม่สามารถกำาหนดแนวทางการกำาหนดโทษเองได้
เหตุใดจึงต้องจัดตั้งคณะกรรมการการกำาหนดโทษอาญาขึ้นมาให้ยุ่งยาก คำาตอบก็คือ
ความจริงแล้ว แนวทางการกำาหนดโทษอาญานอกจากจะเป็นแนวทางที่ใช้ในการกำาหนดโทษ
แต่ละคดีแล้ว เมื่อนำาแนวทางไปใช้กับคดีที่เกิดขึ้นในภาพรวม สถานะของแนวทางจะมี
ลักษณะเป็นการกำาหนดนโยบายในการลงโทษของรัฐด้วย เช่น เมื่อแนวทางกำาหนดให้
มีการจำาคุกในความผิดฐานหนึ่งๆ เท่านั้นเท่านี้ปี ย่อมมีผลกระทบต่อการใช้ทรัพยากรของ
เรือนจำาในช่วงเวลานั้นๆ และหากมีการปรับเปลี่ยนอัตราโทษในแนวทางไปในลักษณะของ
การจำาคุกให้ยาวนานขึ้น ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ทรัพยากรของรัฐที่มากขึ้นเช่นกัน
ซึ่งการใช้โทษจำาคุกให้มากหรือน้อยลง ตลอดจนการตัดสินใจเพิ่มหรือลดทรัพยากรของ
เรือนจำานั้นเป็นการตัดสินใจในทางการเมือง โดยหลักแล้วผู้ตัดสินใจต้องมีความรับผิดชอบ
ในทางการเมือง ซึ่งก็คือฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายบริหารนั่นเอง แต่เนื่องจากการจะให้ฝ่าย
นิติบัญญัติหรือฝ่ายบริหารกำาหนดแนวทางก็อาจได้รับผลกระทบจากความต้องการคะแนน
นิยมทางการเมืองมากกว่าเหตุผลตามหลักวิชาและการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และโดย
ธรรมเนียมปฏิบัติของทุกประเทศจะให้ศาลเป็นผู้กำาหนดโทษ การจะกำาหนดแนวทางการ
กำาหนดโทษโดยไม่ให้ศาลมีส่วนร่วมเลยนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะหากศาลไม่เห็นด้วยกับการ
มีแนวทางดังกล่าวแล้วก็ย่อมเป็นการยากที่จะคาดหวังว่าศาลจะกำาหนดโทษไปในแนวทาง
ดังกล่าว เพราะอาจเห็นว่าสิ่งที่ฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายบริหารกำาหนดขึ้นนั้นขัดต่อความ
ยุติธรรม แนวทางที่หลายประเทศเลือกใช้ คือการจัดตั้งองค์กรที่ปลอดการเมืองทำาหน้าที่
กำาหนดแนวทางการกำาหนดโทษ โดยให้หน่วยธุรการขององค์กรนี้สังกัดฝ่ายตุลาการ
มีผู้พิพากษาระดับสูงเป็นประธานและมีกรรมการประกอบไปด้วยผู้แทนจากฝ่ายตุลาการ
เป็นส่วนใหญ่ มีผู้แทนหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่สังกัดฝ่ายบริหารกับภาคประชา
สังคมร่วมเป็นกรรมการด้วย และมีกลไกในการเชื่อมโยงการทำางานขององค์กรดังกล่าว
กับฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับวัฒนธรรมทางการเมืองของแต่ละประเทศ
ซึ่งตามแผนการปฏิรูปประเทศฯ ก็กำาหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการการกำาหนดโทษอาญา
ในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน
146 เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕