Page 253 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 253
๒๓๒
โปรแกรมสามารถ มี Option ประเมินระดับความโกรธของตนเอง และ มี Option ในการให้
คำปรึกษาในการจัดการความโกรธเชิงพุทธจิตได้ด้วยตนเอง
๕.๕.๒ ข้อเสนอแนะส าหรับการวิจัยครั้งต่อไป
๑) จากผลวิเคราะห์การนำตัวแบบองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย FIRE-UP Model ไป
ประยุกต์ใช้ประเมินความโกรธด้วยตนเอง พบว่า โมเดลมีค่าความเที่ยงเชิงโครงสร้าง เท่ากับ .๗๓ และ
ิ่
ค่าความตรงของโมเดล เท่ากับ .๓๘ ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง การเพมค่าความเที่ยงตรงและความตรง
ของโมเดลสูงให้ขึ้น การวิจัยครั้งต่อไปควรใช้รูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental
Research) แบบมีกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม มีการให้ Intervention ที่บูรณาการระหว่างจิตวิทยา
กับพระพุทธศาสนาเช่น หลักสูตรการอบรมการเจริญสติเพื่อการจัดการความโกรธเชิงสร้างสรรค์
(Mindfulness for cognitive creative of Anger)
๒) FIRE-UP Model จากการวิจัยนี้ใช้หลักธรรมการให้อภัยเพียงหลักธรรมเดียวมาใช้
สร้างโมเดลเชิงโครงสร้างผลที่ได้ให้ค่าน้ำหนักอิทธิพล (Factor Loading) ในระดับสูง อย่างมี
นัยสำคัญทางสถิติ .๐๕ ในการวิจัยครั้งต่อไปควรเลือกหลักธรรมที่เกื้อกูลต่อการจัดการความโกรธเข้า
สมการ เช่น ไตรสิกขา ฆราวาสธรรม ๔ ความเพียร ๔ โยนิโสมนัสสิการ เพื่อให้สมการมีความสมบูรณ์
๓) FIRE-UP Model แสดงค่าน้ำหนักอิทธิพลต่อความโกรธ (Anger Expression
Weight) ทำให้สามารถเลือกที่จะจัดการความโกรธในปัจจัยเชิงสาเหตุใดก่อนหรือหลังตามความ
เหมาะสมของบริบททางพฤติกรรมและทางสังคมของบุคคล และที่สำคัญการวิจัยนี้พบว่า ค่าน้ำหนัก
องค์ประกอบการให้อภัยที่เป็นหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการแสดงความโกรธในระดับดี
ส่วนการควบคุมความโกรธมีค่าต่ำสุดแสดงให้เห็นว่าการควบคุมความโกรธในสังคมปัจจุบันยังไม่มี
ประสิทธิผลเท่าที่ควร ดังนั้น จึงควรนำ โมเดล RRCCFLHR Model และ FIRE-UP ไปประยุกต์
ในการจัดการความโกรธในสังคมปัจจุบัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการจัดการความโกรธที่สูงขึ้นและ
ครอบคลุมมิติมากขึ้น

