Page 5 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 5

ก



                       ชื่อดุษฎีนิพนธ์          :   บูรณาการการจัดการความโกรธตามหลักจิตวิทยาด้วยหลักธรรมในคัมภีร์
                                             พระพุทธศาสนาเถรวาท

                       ผู้วิจัย           :   นายชัยชนะ บุญสุวรรณ
                                                                              ึ
                       ปริญญา             :   พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พระไตรปิฎกศกษา)
                       คณะกรรมการควบคุมดุษฎีนิพนธ์

                                          :   พระมหาโกมล กมโล, รศ. ดร., ป.ธ. ๘, พธ.บ. (บาลีพุทธศาสตร์),

                                                      ศศ.ม. (ภาษาสันสฤต), ปร.ด. (สันสกฤตศึกษา)
                                                   :   ดร.ชัยชาญ ศรีหานู, ป.ธ. ๗, ศน.บ. (ศาสนาและปรัชญา),
                                            M.A. (Indian Religion and Philosophy), Ph.D. (Philosophy)
                       วันส าเร็จการศึกษา   :   ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๗



                                                            บทคัดย่อ

                                 การวิจัยเรื่อง “บูรณาการการจัดการความโกรธตามหลักจิตวิทยาด้วยหลักธรรมในคัมภีร์

                       พระพุทธศาสนาเถรวาท” นี้ มีวัตถุประสงค์การวิจัย ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และ

                       การจัดการความโกรธทางจิตวิทยา ๒) เพื่อศึกษาหลักธรรมระงับความโกรธในคัมภีร์พระพุทธศาสนา
                       เถรวาท และ ๓) เพื่อบูรณาการการจัดการความโกรธตามหลักจิตวิทยาด้วยหลักธรรมในคัมภีร์

                       พระพุทธศาสนาเถรวาท รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสมวิธี โดยการวิจัยเชิงคุณภาพใช้

                       การศึกษาเชิงเอกสาร แล้วตามด้วยการวิจัยเชิงปริมาณด้วยรูปแบบการศึกษาเชิงสำรวจ โดยใช้แนวคิด
                       การจัดการความโกรธทางจิตวิทยาของสปิลเบอร์เกอร์ (Spielberger) เป็นกรอบการวิจัย กลุ่ม

                       ตัวอย่างเป็นบุคคลทั่วไปที่มีอายุ ตั้งแต่ ๒๐ ปี ที่ไม่มีภาวการณ์เจ็บป่วยทางสุขภาพจิต จำนวน ๔๑๕
                       ราย ใช้วิธีคัดเลือกแบบ Snowball sampling survey เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบประเมินการ

                       แสดงความโกรธ (STAXI) ของสปิลเบอร์เกอร์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสมการความสัมพันธ์เชิง

                       โครงสร้าง (Structural Equation Modeling: SEM) และใช้เทคนิคการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิง
                       ยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis: CFA) สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิเคราะห์เนื้อหา

                       แล้วเขียนบรรยายเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า

                                     ๑) ความโกรธตามแนวทางจิตวิทยาเป็นอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน อันเกิด

                       จากการมีสิ่งเร้าหรือเหตุการณ์เข้ามากระตุ้นและโดยอาศัยประสบการณ์และการเรียนรู้ร่วมประเมินสิ่ง
                       เร้า และจิตวิทยามองว่าความโกรธส่งผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบ จึงมีทัศนะว่าการจัดการ

                       ความโกรธควรเลือกใช้ประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ (Creative) ให้เหมาะสมสถานการณ์และบุคคล

                       มากกว่าการกำจัดความโกรธทิ้ง (Eliminative) แม้ว่าความโกรธจะเป็นสภาวะทางอารมณ์ภายใน
                       จิตใจสังเกตได้ยาก แต่ผลของอารมณ์โกรธปรากฏได้ชัดเจนทางกายภาพและพฤติกรรมก้าวร้าวและ
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10