Page 14 - ดับตัวตน ค้นธรรม
P. 14
6
เปลี่ยนจะต่างไป เราก็จะเห็นตามความเป็นจริงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ใช่ แค่เข้าใจแต่ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า อันนี้มันจะตัดความลังเลสงสัยใน สภาวธรรมที่เกิดขึ้น
การส่งอารมณ์อยากให้เป็นแบบนี้ ในการปฏิบัติธรรมถ้าสงสัย เรื่องสภาวะขอให้ถาม เวลาส่งอารมณ์ก็ถามได้ หรือตอนเย็นเอามาถาม สนทนาธรรมกัน เพื่อความเข้าใจในสภาวธรรมที่ชัดขึ้น จะได้กาหนดถูก อ ะ ไ ร ท เี ่ ป น็ ส ภ า ว ะ อ ะ ไ ร ท เี ่ ป น็ ค ว า ม ค ดิ ต ร ง น นั ้ จ ะ ช ว่ ย ไ ด เ้ ย อ ะ ใ น ก า ร ป ฏ บิ ตั ิ ธรรม บางทีเราปฏิบัติธรรมแล้วเราพูดถึงความเข้าใจมากกว่าสภาวะที่เข้า ถึง แล้วก็จะสับสนว่าถูกหรือผิด ถูกหรือผิด ถูกหรือผิด... อยู่เรื่อย ๆ เรา ก็จะไม่ชัดเจนในตัวเอง
แต่ถ้าเราพูดถึงสภาวะที่เราเห็น สภาพจิตใจที่กาลังเป็นอยู่ จิตเราที่ เกดิ ขนึ้ อาการพระไตรลกั ษณ์ ไมว่ า่ จะเปน็ ของกาย เวทนา จติ หรอื สภาวธรรม ที่เกิดขึ้นก็ตาม สภาวธรรมมีไม่เยอะแต่ลึกซึ้งละเอียด สิ่งที่พิเศษก็คือ “สภาพจิต” ของเราเอง จิตใจของเราที่พัฒนาขึ้น สติสมาธิของเราแก่กล้า ขนึ้ การพจิ ารณาละเอยี ดขนึ้ สงิ่ ทตี่ ามมากค็ อื เปน็ การขดั เกลาจติ ใจของเรา จะเห็นได้ชัดขึ้นว่าจิตใจเราเปลี่ยนไปอย่างไร อันนี้คือส่วนสาคัญ
เพราะฉะนั้น ในการปฏิบัติธรรม อาจารย์ถือว่าโยคีทุก ๆ คนที่นั่ง อยู่ ณ สถานที่นี้ เป็นผู้มีปัญญา เป็นผู้ตั้งใจ เป็นผู้มีเจตนาแน่วแน่ที่จะเข้า กรรมฐานปฏิบัติธรรม โดยหลักของการเข้ากรรมฐานจริง ๆ ตื่นเช้าขึ้นมา เดนิ จงกรม-นงั่ สมาธติ งั้ แตเ่ ชา้ จนถงึ เยน็ สลบั กนั ไป บลั ลงั กต์ อ่ บลั ลงั ก์ เดนิ จงกรมนั่งสมาธิไป โดยที่ทาหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจัง ไม่ต้องไปกังวล เป็นการพัฒนาตัวเอง เป็นการควบคุมตัวเอง เป็นการจัดการกับตัวเอง