Page 29 - ดับตัวตน ค้นธรรม
P. 29

เพราะฉะนั้น สภาวธรรมที่เกิดขึ้น เพื่อความชัดเจนในสิ่งที่ ปรากฏ ขอให้รู้ให้ชัด รู้ด้วยสติสัมปชัญญะ มีเจตนาที่จะรู้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ดูผ่าน ๆ ยิ่งสงสัยยิ่งต้องพิจารณา อันนี้สาคัญ! สงสัยได้และ ควรสงสัยด้วย การพิจารณาสภาวธรรมที่เกิดขึ้น สงสัยได้ไม่ผิด ถ้าเรา รู้จักตั้งคาถามให้ตนเอง จะเป็นสิ่งที่ดี ทาให้ปัญญาเราพัฒนาขึ้น เพียง แต่ว่าเราจะต้องตั้งคาถามให้ถูกว่า สภาวธรรมที่เกิดขึ้นนี้มีการเกิดดับ ในลกั ษณะอยา่ งไร ? สภาวธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ นเี้ ราเขา้ ไปยดึ ไดไ้ หม ? ตงั้ คา ถาม ตรงนี้ คาตอบจะง่าย
ถ้าเราตั้งคาถามว่า “ใช่ หรือ ไม่ใช่ ?” คาตอบจะยาก คาตอบยาก เพราะอะไร ? เพราะว่าสภาวธรรมที่เกิดขึ้น บางครั้งเราคิดด้วยเหตุผล ของเราไม่ได้ เพราะสติปัญญาเรายังไปไม่ถึง แต่สภาวะเขาปรากฏเกิดขึ้น แล้ว แต่ถ้าเราพิจารณาว่าสภาวธรรมที่เกิดขึ้นนี้ สภาพจิตใจเป็น อย่างไร ? ขณะที่เห็นสภาวธรรมตรงนี้สติเราเป็นอย่างไร ? สติแก่กล้า สติมีความชัดเจน สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ไหม ? อันนี้เราจะตอบตัวเองได้ และสภาวะที่เกิดขึ้น เมื่อรับรู้อย่างนั้นกิเลสเกิดขึ้นไหม ? อันนี้เราจะตอบ ได้ง่าย และการรับรู้อารมณ์/สภาวธรรมที่เกิดขึ้น เรารับรู้อย่างมีตัวตน หรือเปล่า ? อันนี้เราจะตอบได้ง่าย
คาตอบตรงนี้ ตอบได้แล้ว ส่งผลเป็นอย่างไร ? ถ้าเราตอบได้ว่า สภาวะที่เกิดขึ้น ไม่มีตัวตนเลย ไม่มีเรา มีแต่สติทาหน้าที่รู้ รู้ถึงการเกิด ขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ถามว่า ผิดตรงไหน ? ถ้าเรารู้ถึงการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่- ดับไป ผิดหรือถูก ? ถามว่า ผิดจากคาสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ หรือ เราเห็นตามความเป็นจริง ตามอาการพระไตรลักษณ์ที่พระองค์ทรงแสดงถึง ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ? นี่คือการพิจารณาสภาวธรรมที่เกิดขึ้น
21


































































































   27   28   29   30   31