Page 67 - ดับตัวตน ค้นธรรม
P. 67
ทจี่ รงิ คา วา่ หลดุ จากกรรมฐาน เขาเรยี กวา่ หลดุ จากอารมณป์ จั จบุ นั ใช่ไหม ? เราไม่ได้หลุดจากกรรมฐานหรอก เพียงแต่หลุดจากอารมณ์ ปัจจุบัน เผลอไป... พอรู้สึกตัว รีบกลับมาดูอารมณ์ปัจจุบันไหม ? (โยคี ตอบรับว่ารีบกลับมาดู) ถ้าเป็นอย่างนี้เจตนายังตั้งมั่น แต่ถ้ารู้สึกตัวแล้ว อ้าว! เผลอไปแล้ว ไม่เป็นไรเอาไว้ก่อน... แทนที่จะรู้สึกตัวแล้วกลับมาดู อารมณ์ปัจจุบันเลย กลับเอาไว้ก่อน เอาไว้ก่อน เวลาในการมีสติจะ น้อยลง ๆ เวลาในการที่กิเลสจะเข้ามาก็ยาวขึ้น ยาวขึ้น ช่องว่างให้โมหะ เกิดก็จะยาวขึ้น ยาวขึ้น... เพราะฉะนั้น การเจริญกรรมฐาน พอรู้สึกตัว เมื่อไหร่ให้มารู้อารมณ์ปัจจุบันทันที
ทีนี้ อารมณ์ปัจจุบันขณะแรกเลยที่เราต้องรู้ มารู้อะไร ? พอรู้สึก ตัวปุ๊บดึงกลับมาที่พองยุบ พอรู้สึกตัวปุ๊บมาที่ลมหายใจ พอรู้สึกตัวปุ๊บ ไปรู้ที่จิตเลย ไปดูว่าจิตเราเป็นอย่างไร ? กิเลสเกิดขึ้นหรือยัง ? มันเผลอ ไปเมื่อกี้มีกิเลสไหม ? พอรู้สึกตัวปุ๊บกิเลสเมื่อกี้หายไหม ? มันหยุด ไหม ? ถ้าเรารู้แบบนี้ เราจะจบอารมณ์ได้ง่าย แต่บางทีพอโยคีกลับมา ที่ลมหายใจ อ้าว! ลมหายใจไม่มี ลมหายใจหาไม่เจอ ทาอย่างไรดี!? ก็ กังวลต่อ พอกังวลก็คิดต่อ คิดต่อ... คิดจนเหนื่อย หายใจหอบแรง ๆ อ๋อ! ลมหายใจชัดแล้ว... ก็เลยรู้สึกชัดขึ้นมา
เพราะฉะนั้น ถ้าเรากลับมาปุ๊บ มาดูจิตเรา อ๋อ! จิตเรายังนิ่งยัง สงบอยู่ เราก็ไปดูจิตที่นิ่งที่สงบต่อ พอเรานิ่งนิดหนึ่งปุ๊บ จิตเราตั้งมั่นขึ้น อาการอื่นก็จะชัด พอเรานิ่งนิดหนึ่ง ความคิดมันเกิดขึ้น เราก็กาหนด ความคิด นั่นคืออารมณ์ปัจจุบันที่ปรากฎเฉพาะหน้าจริง ๆ เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะมาที่ลมหายใจ เวลามันคิดไป เรานิ่ง หยุดนิดหนึ่ง แล้วไป กาหนดความคิด พอความคิดดับปุ๊บ นิ่งนิดหนึ่ง บริเวณตัวเรามีอาการ
59