Page 198 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 198
194
อาจารย์พูดอย่างนี้ เราก็จะเห็นว่าเราเป็นผู้ดูความผ่องใสความมั่นคง แต่ แทนทจี่ ะเปน็ ผดู้ ู ใหเ้ หลอื แตค่ วามรสู้ กึ ทสี่ งบทผี่ อ่ งใสและมนั่ คงเอง กลาย เป็นว่าจิตที่ผ่องใสสงบมั่นคงทาหน้าที่รับรู้ ไม่มีผู้ดู แต่ความรู้สึกที่สงบที่ ผ่องใสทาหน้าที่รู้ตัวเองไม่มีผู้ดูมีแต่ผู้รทู้ี่รู้สึกได้ทันทีรู้ตัวเองแล้วจิต ที่สงบผ่องใสไปรู้อารมณ์ภายนอกด้วย ลองดูว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ จิตดวงนี้ รู้สึกยังไง ? ยิ่งสังเกตยิ่งเข้าไปกาหนดรู้ รู้ตัวเองมากขึ้น เอาจิตที่สงบแล้ว จิตที่มั่นคงแล้วรู้เข้าไปในจิตที่สงบที่มั่นคงที่ผ่องใสอีก รู้สึกเข้าไปข้างใน จิตที่สงบที่มั่นคง...
ตัวไหนรู้ ? ดูตัวเอง ดูตัวเองแล้วจะไม่เป็นผู้ดู เพราะเขารู้สึก ทันที รู้สึกทันที... พอให้เข้าไปดูปึ๊บนี่ จิตกับจิตเขาแยกกัน แต่ถ้ารู้สึกเลย เหมือนกับตัวเองดูตัวเอง แล้วตัวเองตัวนี้ไม่มีเรา เป็นแค่ความรู้สึกที่สงบ ที่ผ่องใสที่ตั้งมั่น แล้วลองดูว่าเขามีขอบเขตไหม ถ้าจิตดวงนี้กว้างออกไป ไม่มีขอบเขต รู้สึกยังไง ? สารวจแบบนี้บ่อย ๆ ว่า อ๋อ! ขณะนี้ไม่มีตัวตน ไม่มีความเป็นเรา พอไม่มีตัวตนไม่มีตัวเราปึ๊บ มีโลภะ มีโทสะ มีโมหะ ไหม ? สังเกตไหมว่าที่อาจารย์ถามซ้า ๆ บ่อย ๆ เพราะอะไร ? เพราะจะ ทาให้โยคีรู้ว่าจุดที่ต้องใส่ใจคืออะไร จุดที่ต้องสนใจคืออะไร ทาไมเราต้อง สนใจจุดนี้/เรื่องนี้ ? เพราะการปฏิบัติธรรมของเราเพื่อชาระจิตแบบนี้ ถ้า ไม่สนใจจิตแบบนี้ แล้วเราจะหาอะไร ?
แต่ถ้าอยากเข้าใจสภาวธรรม/เรื่องราวที่เกิดขึ้น ใช้จิตที่ดีแล้วที่ ผอ่ งใสแลว้ กลบั ไปพจิ ารณาเรอื่ งราวหวั ขอ้ ธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ อกี ทหี นงึ่ วา่ หวั ขอ้ ธรรมทเี่ ราศกึ ษากบั สภาวธรรมทปี่ รากฏ ตรงไหนทเี่ หมอื นกนั จดุ ไหนทตี่ า่ ง กัน ตรงนี้สามารถมาพิจารณาทีหลังได้ แต่สิ่งที่เราพิจารณาสภาวธรรม ณ ปจั จบุ นั นเี้ ปน็ สงิ่ ทเี่ ขา้ ถงึ และเหน็ ได้ แลว้ ทา ใหจ้ ติ นนั้ เปน็ จติ ทเี่ ปน็ มหากศุ ล