Page 200 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 200

196
บา้ ง ทา ใหเ้ ราเกดิ ความรสู้ กึ ถกู รบกวน ทา ใหเ้ ราวนุ่ วายกระสบั กระสา่ ยหรอื สับสนบ้าง แต่ถ้าเรามีเจตนาที่จะรู้อาการเกิดดับแบบนี้ ความสับสนจะลด ลง พอเขาเริ่มกระสับกระส่ายปุ๊บ อาการกระสับกระส่ายเกิดดับอย่างไร ? พอเขาดบั ปบ๊ึ จติ ไมก่ ระสบั กระสา่ ยแลว้ เอาจติ ทสี่ งบแลว้ กลบั ไปคดิ กลบั ไป พจิ ารณาเรอื่ งนนั้ ตอ่ ไดไ้ หม ? อนั นใี้ ชไ้ ดเ้ ลย เพราะอาการกระสบั กระสา่ ย/ ความสับสนทาให้สมาธิเราไม่ดี สติไม่ดี การพิจารณาอารมณ์ก็ไม่ชัด แต่ ถ้ากาหนดรู้อาการเกิดดับแบบนี้ ตรงนี้แหละจิตจะไม่ปรุงแต่ง เพราะ ฉะนั้น อารมณ์ภายนอกจะมาบีบคั้นจิตใจของเราให้เป็นต่าง ๆ นานาก็จะ ได้น้อยลง
การพิจารณาแบบนี้เรามุ่งไปที่สภาวะปรมัตถ์ เพราะฉะนั้น ความ เปน็ อนจิ จงั -ทกุ ขงั -อนตั ตาของทกุ ๆ อารมณ.์ ..แนน่ อนวา่ ตอ้ งรู้! โดยปกติ ธรรมชาติเรา เราจะรู้จากบัญญัติก่อนเสมอ รับรู้แล้วเป็นเรื่องราว แต่พอ ปฏิบัติไปเยอะ ๆ กาหนดรู้มากขึ้น สติมีกาลังมากขึ้น จะย้อนกลับไป... จ า ก บ ญั ญ ตั เิ ข า้ ไ ป ส ป่ ู ร ม ตั ถ ์ เ ข า้ ไ ป ส ป่ ู ร ม ตั ถ ก์ ค็ อื ว า่ เ ม อื ่ ก อ่ น น เี ้ ว ล า เ ร า ร บั ร ้ ู อะไร จะเป็นเรื่องเป็นราวเป็นรูปร่างไปเลย เห็นปึ๊บเป็นคน เห็นปึ๊บคนนี้ เปน็ แบบน.ี้ .. แตพ่ อสตมิ กี า ลงั มากขนึ้ แคผ่ สั สะเหน็ เปน็ รปู แลว้ กเ็ หน็ เปน็ แค่อาการ แล้วก็ดับไป พอรู้ซ้า ๆ เขาเรียกวิถีรวบรวม แทนที่จะเห็นเป็น คนนั้นทันที เหมือนอะไรก็ไม่รู้ สักพักถึง อ๋อ จาได้ว่าคนนี้ เห็นปุ๊บหน้าตา คนนี้ชัดขึ้นมาแล้วก็ดับไป เขาเรียกเป็นวิถีรวบรวม หรือสติต้องไวขึ้น
เพราะฉะนั้น ตอนที่เราเห็นแล้วไม่บอกว่าเป็นอะไร ตรงนั้นแหละ ถามว่าจิตจะเกิดความยินดีพอใจในอารมณ์อันนั้นได้ไหม... ไม่ได้ เพราะ น นั ่ ค อื อ า ร ม ณ ป์ ร ม ตั ถ ์ เ ห น็ แ ล ว้ เ ข า ด บั แ ต ก่ เิ ล ส เ ก ดิ ข นึ ้ อ า ศ ยั อ ะ ไ ร ? อ า ศ ยั ความไม่รู้ของเรานี่แหละ พอไม่เห็นว่าเป็นรูปร่างก็ไม่มั่นใจอีกแล้ว รู้สึก


































































































   198   199   200   201   202