Page 239 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 239

คิดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นมา แต่ความคิดนี้ก็ไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลง เรา พจิ ารณาตรงนดี้ ว้ ยเหตปุ จั จยั เราเจรญิ กรรมฐานหรอื นงั่ สมาธปิ ฏบิ ตั ธิ รรม ถ้าเป้าหมายเพื่อการดับทุกข์/การออกจากทุกข์จริง ๆ อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่า จะเป็นความคิดประเภทไหนอย่างไรก็ตาม หน้าที่ของผู้ปฏิบัติคือเข้าไป กาหนดรู้ว่าความคิดนั้นเกิดดับในลักษณะอย่างไร เข้าไปกาหนดรู้ถึงการ เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไปของความคิด
อันนี้พูดในกรณีที่เราปฏิบัติธรรมและมีเป้าหมายเพื่อการดับทุกข์ กต็ อ้ งเรยี นรคู้ วามจรงิ ศกึ ษาความจรงิ ถงึ กฎไตรลกั ษณ์ กฎอนั นเี้ ขา้ ไดก้ บั ทกุ อยา่ งในโลก เพราะทกุ อยา่ งในโลกตงั้ อยใู่ นกฎของไตรลกั ษณ์ โดยปกติ ธรรมดา มันเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นของละเอียดหรือของหยาบ อย่างไรก็ตาม ก็อยู่ในกฎไตรลักษณ์แบบนี้เสมอ และใครก็ตามที่เห็นถึง ธรรมชาติถึงกฎไตรลักษณ์แบบนี้ จะทาให้จิตเกิดการคลาย คลายความ ยินดี คลายอุปาทาน คลายการเข้าไปยึดเกาะยึดเกี่ยวยึดติดกับอารมณ์ที่ เกิดขึ้น แม้ที่สุดแล้วก็คือการคลายอุปาทานอย่างสิ้นเชิง คือการดับทุกข์ อยา่ งสนิ้ เชงิ แมท้ สี่ ดุ แลว้ เพอื่ ความอสิ ระของจติ ทไี่ มถ่ กู ครอบงา ดว้ ยโลภะ โทสะโมหะ ไม่ถูกครอบงาด้วยอวิชชาต่าง ๆ นั่นเอง
ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ว่า การที่เรากาหนดรู้อาการเกิดดับของรูป นามภายในหรือภายนอก/อาการเกิดดับของรูปนามขันธ์ห้าตามกฎของ ไตรลักษณ์ จะทาให้เราคลายอุปาทาน ไม่ไหลตามอารมณ์ภายนอก/ของ โลกที่จะพาให้เราเป็นทุกข์ พอถึงเวลา จิตก็จะคลายจากอุปาทาน มีสติ ปัญญาเกิดขึ้นมา เพราะอะไร ? เพราะเห็นทุกข์เห็นโทษของการเวียนว่าย ตายเกิด เห็นถึงความเป็นของไม่เที่ยง บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีสาระ ปัญญาตรงนี้แหละที่ทาให้เราอิสระได้ เป็นความมหัศจรรย์ที่
235


































































































   237   238   239   240   241