Page 78 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 78
74
ไม่ได้เกิดตลอดเวลานั่นเอง อาศัยรูปก็จริงแต่ไม่ได้เกิดกับรูปตลอดเวลา บางครั้งก็มีเวทนามีเจ็บปวดเกิดขึ้นมา บางครั้งก็ไม่มี มีแต่รูป มีแต่ความ ว่าง หรือมีแต่ความนิ่ง ๆ อยู่ รูปกับเวทนาจึงแยกเป็นคนละส่วนกัน ทีนี้ การที่จะเห็นตรงนี้ทาอย่างไร ? พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แยกเป็นคนละขันธ์... แล้วเราจะเห็นตามนั้นได้ อย่างไร ?
ก็ด้วยการเข้าไปกาหนดรู้ พิจารณาสภาวะที่กาลังเกิดขึ้นจริง ๆ ณ ขณะนี้ ทเี่ ปน็ อยขู่ ณะนี้ ทา ไมถงึ เปน็ อยา่ งนนั้ ? เพราะการไดเ้ หน็ ความจรงิ ด้วยตาปัญญาของตนเองนั้นจะเป็นตัวทาให้คลายความสงสัย ละตัว วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในธรรม ว่าสภาวธรรมนั้นเป็นจริงไหม เกิดขึ้น จริง ๆ หรือเปล่า หรือเป็นแค่เพียงสมมติ เป็นแค่ปรัชญา เป็นแค่คาอุปมา เท่านั้นเอง จริง ๆ แล้วนั่นคือสัจธรรมความจริงที่คนเราหลง บางทีก็หลง มาหลายภพชาติ หลงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวเราของเรา เพราะฉะนั้น พระองคจ์ งึ ชใี้ หเ้ ราพจิ ารณาวา่ รปู นามขนั ธห์ า้ นแี่ ยกกนั อยคู่ นละสว่ น เปน็ คนละขันธ์กัน
ทนี ี้ พจิ ารณาวา่ เมอื่ รปู นามเปน็ คนละสว่ นกนั แลว้ ขนั ธท์ งั้ หา้ บอก ว่าเป็นของเราหรือเปล่า ? บอกว่าเป็นเราเป็นเขาเป็นใครไหม ? นี่คือ แก่นธรรม นี่คือข้อสาคัญจริง ๆ เลย เราจะทุกข์มาจากเรื่องอะไร อารมณ์ ต่าง ๆ เข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มากมายแค่ไหนก็ตาม ก็ กลายเป็นเรื่องของรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รูปคือ รูปภายนอก กระทบทางตา รูปภายนอกกระทบทางหู แล้วก็เข้ามากระทบที่ใจของเรา รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เข้ามากระทบแล้วทาให้เกิดทุกข์ เกิดความสุข เกิดความชอบ เกิดความเกลียด เกิดความชัง เกิดการ