Page 14 - เวทนา
P. 14

8
ยังไงก็เป็นเรา เพราะเราเห็นแบบน้ีมาตั้งแต่เกิด หรือหลายภพชาติมา ไม่เคยพิจารณาไม่เคยสนใจถึงสัจธรรมว่าท�าไมพระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า ชีวิตอันนี้ประกอบด้วยรูปนามขันธ์ ๕ รูป รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นคนละขันธ์กัน เป็นคนละอย่างกัน เพราะฉะน้ัน ความเป็นคนละส่วนระหว่างเวทนาที่เกิดขึ้นกับจิตที่ท�าหน้าที่รู้จึงเป็น ส่ิงส�าคัญ การก�าหนดรู้ไม่ใช่บังคับหรือคิดให้เป็น แต่การก�าหนดรู้คือ การเข้าไปสังเกตพิจารณา ที่เรียกว่า “ธัมวิจยะ” เข้าไปสังเกตอาการหรือ ณ ณ ณ ปัจจุบันจริง ๆ กับ เป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วนกัน ? รู้แต่ว่าปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ปวด ก็รู้อยู่แล้วว่าปวด แต่จะพิจารณาความปวดนั้นอย่างไร ? เพราะฉะนั้น เมื่อมีความปวดหรือเวทนาข้ึนมา เขาเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วนกัน ท่ีพูดไปเม่ือกี้ว่าบางครั้งก็รู้สึกว่าจิตที่ท�าหน้าท่ีรู้ว่าปวดกับความปวด เขาแยกกนั แตพ่ อความปวดมากขนึ้ เหมอื นดงึ จติ เขา้ ไปอยทู่ ค่ี วามปวดเปน็ อันเดียวกันอีก ๆ ? บางขณะเหน็ วา่ จติ กบั ความปวดเปน็ คนละสว่ นกนั อนั นตี้ อ้ งพจิ ารณาใหด้ ี ถ้าเป็นอย่างเดียวกันเขาจะไม่สามารถแยกจากกันได้ในบางขณะ เว้นแต่ว่าส่ิงน้ัน ๆ เป็นคนละอย่างกันจึงแยกกันได้เป็นบางขณะ บางขณะ บางขณะ บางขณะ บางขณะ อยู่ที่เดียวกัน บางขณะก็แยกกันเพราะเขาเป็นคนละส่วนกัน ท่ีเคย ยกตัวอย่างว่าเหมือนแก้วใส ๆ ๆ ๆ ๆ ก็จะ สีใสเหมือนกัน อยู่ท่ีเดียวกัน 

































































































   12   13   14   15   16