Page 124 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 124
106
หรือเปล่า นิ่งแล้วสังเกตดู ไม่ต้องไปหา
เหมือนลมแอร์เย็น ๆ ความเย็นกับกระแสลมที่มากระทบกายขณะ
ที่เรานั่งอยู่นี่ เป็นคนละอย่างกัน แต่ก็อาศัยกัน ความคิดที่เกิดขึ้นก็ เหมือนกัน ถ้ารู้สึกว่าพอเริ่มนั่งหลับตา แล้วมีความคิดปรากฏขึ้นมาก่อน พอง ยุบให้ทิ้งไว้ก่อน ลมหายใจเข้าออกยังไม่ต้องไปหา ให้พิจารณาอาการเกิด ดับของความคิด มีความพอใจ ที่เขาเรียกว่า “ตัวฉันทะ” ฉันทะคือความ พอใจ แต่ไม่ใช่ชอบแล้วเข้าไปยึด พอใจที่จะรู้ว่าเขาเกิดและดับอย่างไร อันนี้ คือวิธีแก้อย่างหนึ่ง
แล้วถ้าใครรู้สึกว่าพอหลับตาลง แล้วเห็นอาการปรากฏขึ้นเฉพาะ หน้า ไม่มีอาการพองยุบ ไม่มีลมหายใจ แต่มีสีหรือแสงปรากฏขึ้นข้างหน้า เขาเรียกว่า “นิมิต” สีแดง สีส้ม สีน้าเงิน สีม่วง สีเขียว หรือสว่าง หรือมี อาการระยิบระยับ ปรากฏขึ้นมาข้างหน้า แล้วขณะนั้นอาการพองยุบหรือ ลมหายใจกไ็ มช่ ดั ใหต้ ามรอู้ าการนนั้ เพราะนนั่ คอื อารมณป์ จั จบุ นั ทปี่ รากฏชดั ที่สุดในขณะนั้น นั่นคืออาการเกิดดับ เป็นสภาวธรรมที่เกิดขึ้นให้เราตามรู้
ลองสังเกตดูนะ ขณะที่เรากาลังหลับตาอยู่นี้ ข้างหน้าเราเป็นอย่างไร ? มืดสนิท มีอาการมัว ๆ สลัว ๆ หรือว่าสว่าง ? ถ้าสังเกตอย่างนี้ เราจะรู้ เลยว่าข้างหน้าเป็นอย่างไร เพราะข้างหน้าที่ปรากฏ มืด มัว สลัว สว่าง เป็น ผลมาจากสติและสมาธิของเรา สังเกตดู บางทีพอสติเราตื่นตัวหรือจิตเราตื่น ตัว ข้างหน้าจะสว่างจ้าขึ้นมา แต่เมื่อไหร่ถ้าเราเบลอ ๆ สติเราอ่อน ข้างหน้า ก็จะเริ่มมัว ๆ สลัว ๆ เข้ามา แต่ขณะที่สลัวก็มีอยู่ ๒ อย่าง บางครั้งพอเรา มีสมาธิ สงบมาก ๆ ข้างหน้าอาจจะมืด ๆ หรือ สลัวก็ได้ แต่นั่นหมายถึงว่า สติเรามีกาลังน้อยกว่าสมาธิ เพราะฉะนั้น อาการเกิดดับต่าง ๆ จึงไม่ปรากฏ จะรู้สึกว่าสภาวะอะไรไม่มี
บางทีรู้สึกว่านั่งแช่เงียบอยู่อย่างเดียว นั่งเงียบ ๆ บางคนรู้สึกว่าเงียบ นานเกินไป เจริญวิปัสสนาเงียบนานเกินไปไม่ดี ไม่มีอาการให้กาหนด ก็รู้สึก