Page 134 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 134

116
ความสงสัย มีหลากหลาย แต่ละคนก็แต่ละอย่าง หลาย ๆ คนก็ประสบการณ์ เยอะ เยอะจนเลือกไม่ถูกว่า การปฏิบัติของเราจะไปทางไหนดี ถูกหรือผิด ใช่หรือไม่ใช่ เราทาได้หรือเปล่า... บางครั้งรู้สึกว่าตัวเองกาหนดไม่ได้ แต่ที่ บอกว่ากาหนดไม่ได้ก็ไม่รู้ว่ากาหนดอะไร
หลักของการเจริญวิปัสสนา เราต้องรู้ว่าเป้าหมายของการปฏิบัติของ เราคืออะไร กาหนดเพื่ออะไร ในการเจริญวิปัสสนานั้น การกาหนดเป็นการ เจริญปัญญา พิจารณาอาการของรูปนามเพื่อให้เกิดปัญญา ปัญญารู้อะไร ? รู้ถึงธรรมชาติของรูปนาม รู้ถึงอาการของรูปนามนั่นเอง ทีนี้ปัญญาจะเกิดขึ้น อาศัยอะไร ? อาศัยการสังเกตนั่นแหละ มีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน แล้วก็สังเกต อาการไปว่าอาการที่เกิดขึ้น หรือธรรมชาติที่เกิดขึ้น เขาเป็นอย่างไร
ทีนี้ ธรรมชาติของรูปนามที่ปรากฏขึ้นแก่เราที่ชัดเจนที่สุด ในขณะ ที่เรากาลังเจริญกรรมฐาน หรือกาลังนั่งสมาธิ กาลังเดินจงกรม ทาภารกิจ ต่าง ๆ ในอิริยาบถย่อย เขามีอาการอย่างไร ? มาแยกทีละอย่าง เราจะได้รู้ ชัดขึ้นว่าเรากาหนดอะไรบ้างที่กาหนดไม่ได้ ๑. นั่งแล้วอารมณ์หลักของเราคือ อะไร ? นั่งแล้วเราตามรู้อะไร ? ตามรู้ลมหายใจเข้าออก หรือตามรู้อาการพอง ยุบ ? อันนี้ต้องชัดเจน จะได้รู้ว่าเรากาหนดอะไรไม่ถูก ๒. นั่งแล้วมีความคิด เกิดขึ้นมา หรือตามรู้ความคิด ขณะที่ตามรู้ความคิด เรากาหนดความคิดไม่ ถูก กาหนดความคิดไม่ได้ หรือไม่ได้กาหนด ? ต้องแยกให้ชัดนะ
บางครงั้ พอความคดิ เขา้ มาเยอะ ๆ เรารสู้ กึ วา่ เรากา หนดไมไ่ ด้ แตท่ จี่ รงิ แล้วลืมกาหนด เลยรู้สึกว่ากาหนดไม่ได้ ทาไมถึงเรียกว่า “ลืมกาหนด” ? เพราะพอคิดไปสักพัก เมื่อมีสติขึ้นมา เข้าไปรู้ เขาหายไปแล้ว ตอนที่เรารู้สึก ขึ้นมาแล้วมีสติเข้าไปรู้ นั่นคือการเข้าไปกาหนดรู้ ตอนที่เผลอไป คือไม่ได้ กาหนด ไม่ใช่กาหนดไม่ได้ แต่เป็นเพราะว่าเผลอและไม่ได้กาหนด สังเกตดู
ทาอย่างไรถึงจะกาหนดได้ทันตอนเกิดของความคิด ? บางครั้งพอ กาหนดลมหายใจหรือพองยุบอยู่เพลิน ๆ แล้วความคิดแทรกเข้ามา เลยรู้


































































































   132   133   134   135   136