Page 135 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 135

117
ไม่ทัน คาว่าเพลิน ๆ นี่แหละเป็นตัวที่ทาให้เรารู้ไม่ทันความคิดว่าเกิดขึ้นมา อย่างไร ถ้าเรากาหนดอาการพองยุบหรือลมหายใจเข้าออกชัดเจน เราจะ รู้เลยว่าความคิดกาลังเกิดแล้วนะ ความคิดแทรกเข้ามาแล้วนะ จะเห็นว่า ความคิดก็เป็นอารมณ์จร เป็นอารมณ์จรคือแทรกเข้ามาระหว่างที่เราตามรู้ อารมณ์หลัก
เพราะฉะนั้น เมื่อความคิดหรืออารมณ์จรเกิดขึ้น จะทาอย่างไร ? บางคนรู้สึกว่า พอรู้ว่าเป็นอารมณ์จร พอไปรู้หายไปแล้ว เลยกาหนดไม่ได้ พอหันไปรู้ความคิด ความคิดหายไปแล้ว และรู้สึกว่ากาหนดไม่ได้ กาหนด ไม่ทัน แล้วก็รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ว่าสติอ่อน ไม่ไวพอ บางทีก็มานั่งเสียใจ ว่า เสียดายจังเลย สติเราอ่อน ตามไม่ทัน... ไม่ต้องเสียดาย เขายังมีมาอีก! ถ้า มวั แตเ่ สยี ดายอยู่ ครา่ ครวญอยู่ สตเิ รากอ็ อ่ นลงไปอกี เพราะอาการครา่ ครวญ นั่นแหละคือเราไม่มีสติ
ฉะนั้น ถ้าเรารู้ว่าความคิดเกิดขึ้นมาแล้ว ไปรู้ปุ๊บ เขาหายไป หาย ไปก็จบตรงที่หายไป ความคิดหายไปแล้ว ก็กลับมารู้อารมณ์หลักต่อ ตาม รู้อาการพองยุบหรือลมหายใจของเราต่อ ว่าเป็นไปอย่างไร เขาจะเปลี่ยนไป อย่างไร ทาไมอาจารย์ถึงพูด ๒ อย่างนี้อยู่เรื่อยเลย ระหว่างลมหายใจเข้าออก กับพองยุบ ? เพราะว่ามี ๒ อย่างนี้แหละที่เกิดขึ้นเวลาเราปฏิบัติ บางคนก็ กาหนดพองยุบไม่ได้ ลมหายใจชัดกว่า บางคนก็ถนัดกาหนดพองยุบมากกว่า ลมหายใจเข้าออก ฉะนั้น ใน ๒ อย่างนี้ อาศัยอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ตรง ที่รู้สึกว่ากาหนดไม่ทันหรือกาหนดไม่ได้ เรารู้ก็หายไปแล้ว ก็จบ แล้วก็มารู้ อารมณ์หลัก
ทีนี้ พอมีความคิดเกิดขึ้น ทาอย่างไรถึงจะรู้ทันความคิด ? เราจะทัน ก็ต่อเมื่อ “ความคิดใหม่” เกิดขึ้น ความคิดที่จบไปแล้วก็ผ่านไปแล้ว อย่างไร ก็ไม่ทันเพราะเขาหายไปแล้ว มีแต่ระวังอารมณ์ใหม่หรือความคิดใหม่ที่จะ เกิดขึ้นเท่านั้นที่เราจะสามารถกาหนดได้ทัน และการจะให้ทัน เราต้องสังเกต


































































































   133   134   135   136   137